บทเรียนสุดล้ำค่าจากชายผู้ไม่มีเงินล้านสู่ผู้มีเงินนับพันล้าน Warren Buffett

ไม่ได้เกิดมาร่ำรวยแต่ก็สามารถร่ำรวยมั่งคั่งได้ และนี่ไม่ใช่เพียงประโยคขายฟังลอยๆ ที่ไม่มีตัวอย่างของผู้ที่ทำได้จริง ในชีวิตจริงมีผู้ประสบความสำเร็จมากมายที่เริ่มต้นจาก 0 ไม่มีต้นทุน ไม่ได้ร่ำรวย แต่พวกเขาก็สามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้ หนึ่งในนั้นคือ วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffett ) อ่านบทเรียนสุดล้ำค่าจากชายผู้ไม่มีเงินล้านสู่ผู้มีเงินนับพันล้าน ในบทความนี้คุณจะได้อ่านบทเรียนสุดล้ำค่าอย่าง

  • มีเป้าหมายอันแน่วแน่
  • ความสม่ำเสมอและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ
  • เก็บเงินก่อน ใช้ทีหลัง
  • รักในสิ่งที่ทำ ทำงานในสิ่งที่รัก
  • ตัดสินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง

มีเป้าหมายอันแน่วแน่

ถ้าไม่มีจุดเส้นชัย ไม่มีจุดมุ่งหมาย ต่อให้วิ่งอย่างรวดเร็วเพียงใด ต่อให้พยายามเพียงใด ถ้าปราศจากสิ่งที่ต้องการ เป้าหมายอันแน่วแน่ย่อมจะไม่สามารถหาทางไปสู่สิ่งที่ต้องการได้อย่างแน่นอน วอร์เรน บัพเฟตต์ นั้นมีลักษณะนิสัยในการตั้งเป้าหมายอันแน่วแน่มาตั้งแต่ในวัยเด็ก ในขณะที่ตามประสาเด็กทั่วไป เด็กส่วนมากนั้นยังคนวิ่งเล่นสนุกสนาน ชื่นชอบเพ้อฝันถึงอนาคตแฟนตาซี สังสรรค์พูดเล่นไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ แต่ วอร์เรน นั้นไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย ตั้งแต่วัย 7 ขวบ วอร์เรน ได้เริ่มสนใจเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน ธุรกิจและการงานโดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือที่เขาอ่านในห้องสมุด หนังสือ One Thousand Ways to Make $1000 หลังจากนั้นเขาก็แน่วแน่ในการที่จะเป็นผู้ประกอบการสร้างธุรกิจและร่ำรวยให้จงได้

ธุรกิจแรกที่เขาเริ่มทำ ก็คือการขายหมากฝรั่งและขายแม็คกาซีนตามบ้านในวัยเด็ก

หลังจากนั้นมาวอร์เรนก็ได้ทำงาน สร้างธุรกิจเพื่อหารายได้ต่างๆ มากมาย เพียงวัยมัธยมเขาก็หาเงินได้เป็นจำนวนมากแล้ว และอีกแรงบันดาลใจหนึ่งที่ทำให้เขาสนใจเรื่องการเล่นหุ้นก็คือในวัย 10 ขวบเขามีโอกาสได้พูดคุยกับสมาชิกจากตลาดซื้อหุ้นแห่งนิวยอร์ค นั้นทำให้เขาได้แรงบันดาลใจในการเล่นหุ้นและมีเป้าหมายอันแน่วแน่และเริ่มวางแผนเพื่อนำพาตัวของเขาเองไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ

 

“ มีเป้าหมายอันแนวแน่ หลังจากนั้นจึงจะเริ่มคิดหาแนวทางได้และถ้าไม่ละทิ้งเป้าหมายนั้น

คุณจะสามารถทำมันได้สำเร็จอย่างแน่นอน.”

 

เมื่อมีเป้าหมายชัดเจนแล้วล่ะก็ คุณก็จะรู้ว่าสิ่งใดที่ไม่สำคัญต่อการไปสู่เป้าหมายของคุณ อย่างคำพูดของวอร์เรน ที่เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ไว้ว่

 

“ ความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ก็คือ

คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ จะปฏิเสธแทบทุกอย่าง.”

 

การปฏิเสธแทบทุกอย่างที่ว่านี้ คือการรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ส่วนสิ่งใดที่ไม่สำคัญไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายก็ต้องปฏิเสธ ค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจทุกการกระทำที่สำคัญให้ได้และเรียนรู้ที่จะปฏิเสธสิ่งที่มันไม่สำคัญต่อเป้าหมายของคุณบ้าง

ความสม่ำเสมอและความอดทน

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว และต่อให้จะเร่งเพียงแค่ไหนก็ไม่มีความสำเร็จอันใดที่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าคุณจะมีพรสวรรค์ มีความเพียบพร้อม มีความพยายามแค่ไหนก็ตาม ก็ใช่ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้เสมอไป แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนมีผลต่อการประสบความสำเร็จแต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการมีพรสวรรค์ ความเพียบพร้อมและความพยายามนั้นก็คือ ความสม่ำเสมอและความอดทน บทเรียนจากความสำเร็จของคนประสบความสำเร็จมากมายที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ ถ้าหากว่าปราศจากความอดทนและการลงทุน การทำธุรกิจ การเล่นหุ้นอย่างสม่ำเสมอล่ะก็ วอร์เรนก็จะไม่มีวันร่ำรวยได้ทุกวันนี้

เก็บเงินก่อน ใช้จ่ายทีหลัง

นี่คือคำแนะนำจากนักลงทุน ผู้ประกอบการผู้ร่ำรวยถึงเรื่องการใช้เงิน วอร์เรน บัพเฟตต์

 

“ อย่าเก็บเงินจากเงินที่เหลือใช้ จงใช้เงินที่เหลือจากการเก็บเงิน.”

 

มันเป็นเรื่องยากที่จะเก็บเงินจากที่เหลือใช้ อีกอย่างบางครั้งก็อาจจะไม่มีเงินเหลือให้เก็บ เพื่อจัดการปัญหาเหล่านั้นการใช้จ่ายเงินที่เหลือจากการเก็บออมเงินนั้นจะเป็นวิธีที่มีประโยชน์และช่วยให้การเงินของคุณดีขึ้นได้เป็นอย่างมาก มีเงินออมไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินหรือมีเงินออมไว้สำหรับการทำตามเป้าหมาย เพื่อลงทุนนั้นย่อมดีกว่าการใช้จ่ายแบบไม่มีหลักประกันอย่างแน่นอน

รักในสิ่งที่ทำ ทำงานในสิ่งที่รัก

ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จจากการที่ทำในสิ่งที่พวกเขาเกลียด จงรักในสิ่งที่ทำและทำงานในสิ่งที่รัก คือสิ่งสำคัญที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยึดถือมาเสมอ เขาเชื่อว่าชีวิตมันสั้นเกินไปที่จะมาจมปลักทนทำงานที่ไม่รักเพื่อหวังจะให้ประสบความสำเร็จ การทำงานในสิ่งที่รักนั้นจะเปรียบเสมือนชีวิตนั้นไม่ได้ทำงานเลย เพราะงานที่รักนั้นย่อมจะให้ความสุขได้ดีอย่างแน่นอนและนั้นจะทำให้ทุกๆ วันนั้นเป็นวันที่มีความสุข สิ่งสำคัญที่สุดที่ วอร์เรน เคยกล่าวไว้นั้นก็คือ

 

“ ถ้าปราศจาก ความหลงไหล่ความชอบในสิ่งที่ทำแล้วคุณก็จะไม่มีพลัง

และเมื่อปราศจากพลังคุณก็จะไม่มีอะไรเลย.”

ตัดสินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง

วอร์เรน บัพเฟตต์ ถึงแม้จะเป็นเศรษฐีที่มีเงินนับพันล้านแต่เขาก็ไม่ได้เป็นผู้ที่ใช้เงินมากมาย ฟุ่มเฟื่อยตามภาพลักษณ์เศรษฐีอย่างที่คนทั่วไปคาดหวัง เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่โต ใช้เงินซื้อของราคาแพง รับประทานอาหารมื้อหรู หรือใช้จ่ายเงินยังสิ้นคิด นั้นคือความสุขของคนรวยที่ผู้คนทั่วไปมักนึกถึง แต่สำหรับวอร์เรน บัพเฟตต์ เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตมีความสุขและประสบความสำเร็จในตามรูปแบบมาตรฐานของเขาเอง เขาเลือกที่จะอยู่บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันล้ำค่า บ้านที่เขาอยู่แล้วมีความสุขดีกว่าคฤหาสถ์หลังใหญ่โต เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ่มเฟื่อย เขาใช้เงินเพียงแค่ปีล่ะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นถึงแม้จะมีรายได้มากมาย เขาก็ยังรับประทาน Macdonald ในมื้อราคาไม่ถึง 4 ดอลลาร์

 

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเมื่อมีผู้คนรับรู้ว่า เศรษฐีที่มีเงินพันล้านทำไมใช้จ่ายเงินน้อยเช่นนี้ วอร์เรน ก็ได้ตอบกล่าวต่อข้อสงสัยนั้นว่า การใช้จ่ายเงินเท่านี้คือความสุขของเขา และนี่คือการใช้ชีวิตอย่างประสบความสำเร็จแล้วของเขา ส่วนรายได้มากมายส่วนหนึ่งของเขานั้นก็ได้นำไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและทำการกุศลต่างๆ มากมาย เพราะนั้นคือสิ่งที่เขาทำแล้วสุขใจ

สิ่งสำคัญจากเรื่องราวนี้ก็คือ บทเรียนให้ตัดสินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ถ้าคุณมีความสุขในสิ่งที่คุณทำ ในสิ่งที่คุณมีอยู่และในคนแบบที่คนเป็น คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตตามมาตราฐานความสุขคนอื่น คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตตามนิยามความสำเร็จของผู้อื่น แต่คุณต้องใช้ชีวิตตามมาตรฐานความสุขและความประสบความสำเร็จในแบบที่คุณตั้งมาเองต่างหากและนั้นจะทำให้ชีวิตคุณมีความสุข ประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับ วอร์เรน บัพเฟตต์ ได้ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีพันล้านก็ตาม

 

บางครั้งความสำเร็จอาจจะไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็นพันล้าน แต่เป็นการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในมาตรฐานที่ต้องการ แค่นั้นก็เรียกว่าประสบความสำเร็จได้เช่นกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตตามนิยามความสุขและนิยามความสำเร็จของผู้อื่น แต่สิ่งสำคัญจากบทเรียนสุดล้ำค่าจาก วอร์เรน บัพเฟตต์ นั้นก็คือ การใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ถ้าหากคุณมุ่งหวังที่จะร่ำรวยและมีเงินเป็นพันล้านอย่าง วอร์เรน บัพเฟตต์ แล้วล่ะก็ บทเรียนที่ต้องนำไปปรับใช้ก็คือ การมีเป้าหมายให้แน่วแน่ รู้จักทำงาน ทำสิ่งที่รักอย่างสม่ำเสมอและด้วยความอดทน ส่วนการใช้จ่ายเงินก็ต้องให้ออมก่อนแล้วใช้จ่ายทีหลัง ไม่ว่าจะบทเรียนใดจากบทความนี้ก็ล้วนจะมีประโยชน์ต่อชีวิตคุณอย่างแน่นอน หากนำมันไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวคุณเอง

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn