การทำงานเบื้องหลังความสำเร็จของ Start Up มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Revolut บริษัท Startup ธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ในลอนดอนที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.2015 โดย CEO ชาวรัสเซีย Nikolay Storonsky ได้มีมูลค่าถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพียงในระยะเวลา 33 เดือนเท่านั้น นับว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นในการสร้างความสำเร็จของบริษัท การทำงานเบื้องหลังของความสำเร็จของบริษัทนี้ที่เป็นอาวุธเด็ดนั้นก็คือ คติ ทำงานให้มันเสร็จให้จนได้ และชั่วโมงทำงานสุดโหด

 

ทำงาน 13 ชั่วโมงต่อวัน

Startup Revoulut นั้นสนับสนุนการทำงานอย่างขยันขันแข็งภายใต้คติที่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องทำงานให้มันเสร็จ โดยพนักงานของ Revoulut นั้นปกติจะทำงานกันล่ะวันละ 13 ชั่วโมงต่อวัน เคล็ดลับในการสร้างแรงจูงใจให้ทำงานอย่างยาวนานของบริษัทนี้นั้นก็คือ เขาเลือกจะจ้างเพียงแค่คนที่มีแรงบันดาลใจสูงและเมื่อจ้างคนที่มีแรงบันดาลใจสูงพวกเขาก็จะชอบทำงานเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้การทำงาน 13 ชั่วโมงต่อวันนั้นอาจจะต้องทำยาวไปถึงตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย

การทำงานหนักเป็นระยะเวลายาวนานแต่ละวันของบริษัท Revoulut นั้นได้ส่งผลให้พวกเขาสามารถสร้างมูลค่าของบริษัทได้ถึง 1.3 พันลล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 33 เดือน ความสำเร็จของบริษัทมาจากการทำงานอย่างทุ่มเทของพนักงาน แต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่สถานที่ทำงานที่ดีต่อสุขภาพจิตใจเสียเท่าไรและค่อนข้างทรมาณ ถึงแม้รายได้ตอบแทนจะสูงการทำงานที่ Revoulut นั้นก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงจะมาทำงานด้วย ซึ่งเป็นการรีวิวโดยอดีตพนักงานของบริษัท Revoulut

 

แน่นอนว่าใครๆก็ต่างโหยหาความสำเร็จ แต่การทำงานเป็นระยะเวลานานนั้นคุ้มหรือไม่ การทุ่มเทให้กับงาน งาน และงาน จนทำลายสุขภาพจิต ทำลายระยะเวลาการนอน นั้นเป็นสิ่งที่ควรคำนึกถึงเป็นพิเศษ เวลาเป็นสิ่งที่ไม่หวนคืน การทำงานอย่างทุ่มเทนั้นเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่การทุ่มเททำงานจนมันเริ่มทำลายตนเองนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว การสร้างสมดุล สุขภาพกายและใจของผู้ทำงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญ หากปราศจากพวกเขาบริษัทใดก็ไม่สามารถเติบโตได้ ถึงแม้บริษัทจะมีมูลค่าสูงมากมายแต่การปฏิบัติต่อพนักงานนั้นโหดเกินไปหรือไม่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสมัครใจ แต่ประสบการณ์ทำงานที่นี้ต่างเป็นเสียงเดียวกันว่า “ มันไม่ใช่สถานที่ทำงานที่เหมาะแก่ผู้คนที่เห็นคุณค่าสุขภาพจิตของตนเอง.”

 

ที่มา: businessinsider.com

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn