12 Step ที่จะทำให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้อย่าง Perfect !

มันไม่มีข้อกำหนดว่าใครที่สามารถเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และ คุณไม่จำเป็นต้องมีวุฒิที่ดี หรือ เงินจำนวนมากในบัญชี หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ในการลงทุน สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีคือแผนการที่มั่นคง แรงผลักดันที่ดี เพื่อที่จะทำตามแผนที่วางไว้ และนี่คือ 12 ขั้นตอนที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

Step 1  ประเมินตัวคุณเอง

คุณจะต้องถามตัวเองด้วยคำถามง่าย ๆ เช่น ทำไมคุณถึงอยากจะเริ่มทำธุรกิจ ? ธุรกิจแบบไหนที่คุณอยากจะทำ ? ถ้าคุณมีเหตุผลที่อยากจะทำธุรกิจแล้ว ก็เริ่มถามตัวเองในคำถามอื่น ๆ อีก เช่น

  • คุณมีทักษะด้านไหน ?
  • คุณสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษ ?
  • คุณต้องการเงินทุนเท่าไหร่ ?
  • คุณพร้อมจะเป็นนักลงทุนหรือยัง ?

คุณต้องตอบคำถามเหล่านี้ตามความเป็นจริงและซื่อตรงกับตัวเองให้มากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้ทุก ๆ อย่างก้าวหน้าได้อย่างดี และคุณจะรู้ว่าคุณควรจะแก้ปัญหาตรงไหน


Step 2 คิดแผนสำหรับธุรกิจ

หากคุณยังไม่มีแผนหรือไอเดียดี ๆ สำหรับธุรกิจ นี่อาจจะเป็นแนวคิดดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณนึกภาพแผนการได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น

  • ลองสำรวจดูว่า เทคโนโลยีอะไรหรือสิ่งไหนที่มีแนวโน้มว่ากำลังจะเป็นที่นิยมในอนาคต
  • เริ่มต้นทำธุรกิจที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวันได้ หากคุณสามารถคิดริเริ่มเพื่อปรับปรุงในจุดนั้นได้ คุณจะได้ลูกค้ามากมาย
  • ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะดำเนินไปในทิศทางหรือรูปแบบเดิม ๆ ที่พวกเขาเชี่ยวชาญ เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาทำมาตลอด แต่ถ้าหากว่าคุณมีไอเดียหรือทัศนคติใหม่ ๆ ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณแตกต่างและแปลกใหม่ แถมยังสามารถเรียกลูกค้าได้อีกด้วย
  • หากธุรกิจที่คุณคิดหรือวางแผนไว้นั้นเป็นธุรกิจรูปแบบคล้ายกับคนอื่นหรือเป็นสิ่งที่เจอได้ทั่วไปในตลาด คุณต้องพยายามทำให้มันดีกว่า ถูกกว่า และเข้าถึงง่ายกว่าสิ่งที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว

Step 3 ศึกษาตลาดให้ดี

ศึกษาทุกความเป็นไปได้ในตลาดรวมถึงในเรื่องของคู่แข่ง หุ้นส่วนต่าง ๆ การศึกษาแต่ละครั้งควรวางเป้าหมายและจุดประสงค์ให้ชัดเจน เช่น เตรียมคำถามที่จะใช้ถามไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือการพูดคุยต่อหน้าก็ต้องเตรียมความพร้อมอย่างดี และในแบบสอบถามของคุณควรจะมีคำถามประมาณว่า

“ อะไรคือปัจจัยในการช่วยให้คุณเลือกซื้อของหรือรับการบริการ ? ” และ “ คุณมีข้อแนะนำให้อยากปรับปรุงในด้านใดบ้าง ? ”

3 ตัวอย่างที่คุณพึงระวังเวลาต้องการทำการศึกษาข้อมูล

  1. ทำการวิจัยแค่ขั้นทุติยภูมิ หรือวิจัยเพียงแค่ข้อมูลสรุปที่มีอยู่ และวิเคราะห์ผลออกมาเท่านั้น
  2. ใช้แค่ข้อมูลจากแหล่งออนไลน์เพียงอย่างเดียว
  3. ทำการสำรวจสอบถามข้อมูลจากแค่คนที่รู้จักเท่านั้น

Step 4 ดูผลตอบรับ

แจกสินค้าทดลองหรือลองเปิดให้ทดลองบริการของคุณฟรี เพื่อดูผลตอบรับว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับสินค้าหรือบริการขอคุณบ้าง เพราะการได้ทดลองใช้จริงนั้น อาจจะช่วยให้พวกเขาเห็นปัญหาหรือข้อผิดพลาดที่คุณมองข้ามไป และถ้าคุณสามารถแก้ไขมันได้ พวกเขาก็จะกลายมาเป็นลูกค้าตัวยงของคุณ

หลังจากได้รับผลตอบรับคุณก็ควรใช้ข้อมูลนั้นให้เป็นประโยชน์ โดยนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าหรือบริการของคุณก่อนที่จะปล่อยออกมา และในบางครั้งคุณก็อาจจะได้ผลตอบรับที่ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นคุณก็ควรจะรู้วิธีรับมือกับมันด้วย

  • รู้จักขอบคุณทุกครั้ง ถึงแม้ว่าคุณจะได้ผลตอบรับในด้านไม่ดี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเคารพและยอมรับในคำแนะนำหรือคำวิจารณ์ของลูกค้า
  • ต้องยอมรับความจริง ในบางครั้งเราก็ต้องยอมรับว่าไอเดียของเรามันอาจจะไม่ถูกใจคนอื่นไปซะหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เปิดใจรับมัน บางทีเราอาจจะปรับแก้ในรายละเอียดเล็กๆเพื่อให้ผลตอบรับดีขึ้น
  • สอบถามเหตุผลอยู่เสมอ ถึงแม้ลูกค้าหรือผู้ทดลองใช้จะบอกว่าชอบสินค้าของคุณหรือไม่ชอบก็ตาม ต้องถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงชอบหรือไม่ชอบอีกด้วย เพราะคำตอบเหล่านั้นจะช่วยให้คุณปรับปรุงพัฒนาสินค้าและบริการของคุณให้ดียิ่งขึ้นไปได้อีกด้วย

Step 5 ทำให้เป็นทางการ

ตรวจสอบรายละเอียดด้านกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของสินค้าคุณ ที่อาจจะไปซ้ำกับคนอื่น ชื่อแบรนด์ ต้องรู้จักจัดการให้มันอยู่ในระบบและความถูกต้อง รายละเอียดต่าง ๆ ที่คุณควรจะตรวจสอบให้ดี

  • ลักษณะโครงสร้างธุรกิจ (LLC, corporation or a partnership)
  • ชื่อของธุรกิจ
  • การลงทะเบียนธุรกิจ
  • หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
  • รหัสประจำตัวผู้เสียภาษี
  • ใบอนุญาตประกอบการ
  • การอนุญาต
  • บัญชีธนาคารที่จำเป็น
  • เครื่องหมายการค้าลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร

Step 6  เริ่มเขียนโครงแผนของธุรกิจคุณ

การเขียนโครงแผนนั้นเป็นสิ่งที่จะสามารถอธิบายได้ดีว่าธุรกิจของคุณพัฒนาได้ขนาดไหนตั้งแต่เริ่มต้น รูปแบบของการเขียนโครงแผนที่ควรทำ

  • ชื่อของธุรกิจคุณ
  • สรุปการบริหารและการจัดการที่คุณลงมือทำ
  • อธิบายถึงลักษณะธุรกิจของคุณ
  • กลยุทธ์ทางการตลาด
  • วิเคราะห์คู่แข่งของคุณ
  • แผนการด้านออกแบบและพัฒนา
  • ปัจจัยด้านการเงิน

Step 7 อย่าลืมเรื่องการเงิน

เรื่องเงินในการลงทุนนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณต้องวางแผนให้ดีว่าเงินทุนของคุณจะมาจากไหน และต้องใช้จ่ายกับค่าอะไรบ้างในการดำเนินกิจการ การสร้างธุรกิจนั้นต้องใช้เงินทุนจำนวนหนึ่ง วิธีส่วนมากที่คนเราหาเงินมาลงทุนก็คือ

  1. ใช้เงินทุนของตัวคุณเอง การใช้เงินทุนของตัวคุณเองอาจจะใช้เวลานานหน่อยกว่าจะได้ทุนคือ แต่ข้อดีก็คือคุณสามารถบริหารจัดการด้วยตัวคุณเองได้อย่างสะดวก
  2. ลองถามครอบครัวหรือเพื่อนของคุณ การแยกเรื่องธุรกิจกับเรื่องส่วนตัวนั้นถือเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะหยิบยืมจากบรรดาเพื่อนๆหรือคนในครอบครัว คุณต้องเปิดใจพูดอย่างตรงไปตรงมา และอย่าลืมทำสัญญาเพื่อเป็นหลักประกันให้ทุกฝ่ายสบายใจ
  3. ประกาศหาผู้ร่วมลงทุน ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจของคุณเอง แต่หากว่ามีเงินทุนไม่มากพอที่จะก่อตั้งบริษัทโดยลำพัง คุณอาจจะต้องประกาศหานักลงทุนคนอื่นๆว่าสนใจร่วมลงทุนกับคุณหรือไม่
  4. ปรึกษาธนาคาร โดยปกติแล้ว การจะสร้างธุรกิจคุณสามารถรับคำปรึกษาจากธนาคาร เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินคอยแนะนำให้ และธนาคารยังมีระบบให้กู้ยืมเพื่อไปทำธุรกิจอีกด้วย

Step 8 พัฒนาผลผลิตหรือการบริการของธุรกิจคุณอยู่เสมอ

หลังจากวางโครงแผนธุรกิจของคุณแล้ว คุณต้องคิดว่าเวลาจะลงมือทำหรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ คุณจะต้องมีผู้ช่วยที่คอยดูแลสิ่งต่าง ๆ  อย่างเช่น วิศวกร นักออกแบบ หรือช่างเทคนิค

คุณสามารถใช้สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณเอง จุดสำคัญคือเมื่อคุณสร้างผลิตภัณฑ์จริง ๆ คุณควรเน้นสองสิ่งนั้นก็คือ  ความเรียบง่าย และคุณภาพ ตัวเลือกที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องสร้างผลิตภัณฑ์ที่ถูกที่สุดแม้ว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตก็ตาม นอกจากนี้คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ด้วย


Step 9 สร้างทีมงานของคุณ

การทำธุรกิจเป็นเรื่องยากมากที่จะบริหารจัดการและรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวคนเองคนเดียว คุณต้องการทีมดี ๆ ไม่ว่าคุณจะต้องการหุ้นส่วน ลูกจาก หรือพนักงานอิสระ 3 สิ่งที่จะช่วยให้คุณหาคนดี ๆ เข้ามาร่วมทีมคุณได้

  1. วางเป้าหมายของคุณให้ชัดเจน
  2. ติดตามขั้นตอนการรับคนเข้าทำงานอย่างละเอียด
  3. สร้างวัฒนธรรมที่ดีในบริษัท

Step 10 เลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม

ในการจัดตั้งบริษัทหรือร้านค้าของคุณ การเลือกสถานที่ ที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องสำคัญ คุณจะต้องคำนึงถึงสถานที่ตั้งด้วยว่าเหมาะกับกิจการของคุณหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทาง , ทำเลที่ตั้ง , สำรวจประชากร , ที่จอดรถ


Step 11 เริ่มทำการขายจริง

ในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มธุรกิจจริงนั้น คุณอาจจะขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร ให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรืออุตสาหกรรมก็ตาม อนาคตของธุรกิจคุณจะขึ้นอยู่กับรายได้และยอดขาย เพราะฉะนั้นคุณต้องรู้จักทำการขายอย่างมีศิลปะ และยอมรับปรับปรุงไปเรื่อย ๆ โดยที่คุณจะต้องรู้จักการ รับฟัง , อย่ากลัวที่จะได้ยินคำว่า “ไม่” , ต้องไม่เขินอาย


Step 12 ขยายธุรกิจของคุณ

หลากหลายวิธีในการทำให้ธุรกิจของคุณขยับขยายและเติบโตขึ้น โดยคุณสามารถหาธุรกิจอื่นเพิ่ม และเริ่มกำหนดเป้าหมายตลาดใหม่เพื่อเพิ่มข้อเสนอต่าง ๆ ให้กับตลาด  แต่คุณจะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญสองประการที่บรรดาบริษัทที่เติบโตแล้วนั้นมีเหมือนกัน

ก่อนอื่นพวกเขามีแผนที่จะทำการตลาดด้วยตัวเอง พวกเขารู้จักใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแคมเปญและการโปรโมทต่าง ๆ พวกเขามีรายชื่ออีเมลของลูกค้าผ่านการสำรวจและรู้จักใช้งานมันเพื่อส่งเสริมโปรโมชั่นให้ลูกค้าผ่านทางอีเมล พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องการกำหนดเป้าหมายแบบใดไม่ว่าจะผ่านทางออนไลน์หรือทางการตลาด จากนั้นเมื่อพวกเขามีลูกค้าใหม่พวกเขาเข้าใจวิธีรักษาลูกค้า คุณอาจเคยได้ยินหลายคนกล่าวว่า ลูกค้าที่ขายได้ง่ายที่สุดคือลูกค้าที่คุณมีอยู่แล้ว ลูกค้าปัจจุบันของคุณได้ลงทะเบียนรายชื่ออีเมลแล้วเพิ่มข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของคุณเพื่อรับทราบข้อเสนอใหม่ ๆ ในการทำเช่นนั้น แปลว่าพวกเขาเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีแบรนด์ของคุณ สิ่งที่คุณควรลงมือทำก็คือช่วยให้พวกเขารู้สึกดีกับการเป็นลูกค้า ลองเสนอสิทธิพิเศษเพื่อตอบแทนและเซอร์ไพรส์พวกเขานั่นก็จะทำให้พวกเขาหลงรักในแบรนด์ของคุณมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

นี่คือกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการธุรกิจของคุณได้อย่างเพอร์เฟกต์

 

ขอบคุณข้อมูล : entrepreneur

แปลโดย : พรรษชล ทิทำ 

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn