ต้องบอกว่าปัญหาแอคเค้าท์หลุม หรือ บัญชีปลอม ในแพลตฟอร์ม Facebook นั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับ Facebook มาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งล่าสุด Facebook ก็มีการแก้ปัญหาเรื่องบัญชีปลอมหรือบัญชีอวตาร ด้วยการใช้ข้อมูลจากคำขอเป็นเพื่อนและการปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนระหว่างบัญชีจริงและบัญชีปลอม เพื่อพิจารณาว่าบัญชีไหนเป็นบัญชีปลอม
หลักการนี้ Facebook ได้อธิบายว่าเหตุผลว่า เนื่องจากเครือข่ายแพลตฟอร์มของ Facebook มีการสร้างบัญชีปลอมเพื่อใช้ในทางที่ผิดเป็นจำนวนมากเกินไป โดยหลังจากเก็บข้อมูลลักษระพฤติกรรมของบัญชีปลอมหลายรายการ สามารถสรุปว่ามักจะมีขั้นตอนอยู่ 3 ขั้นตอน ได้แก่ สร้างบัญชีปลอมขึ้นมา จากนั้นบัญชีปลอมนี้ก็จะส่งคำขอเป็นเพื่อน และเมื่อมีเพื่อนในบัญชีมากเพียงพอ ก็จะเริ่มดำเนินการที่ปิดกฎหมายหลายๆอย่าง
ซึ่งในภายหลังเมื่อมีการสร้างบัญชีปลอมเยอะมากขึ้น ผู้ใช้บัญชีจริงมักจะระมัดระวังในการรับเพื่อน ทำให้สถิติการถูกปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนของบัญชีปลอม จะสูงกว่าบัญชีปกติ ซึ่งเป็นช่องว่างที่ทำให้ Facebook สามารถป้องกันและค้นพบบัญชีปลอมได้มากขึ้น
นอกจากนั้น Facebook ยังสังเกตอีกว่าบัญชีปลอมส่วนใหญ่ มักมีพฤติกรรมของการเพิ่มเพื่อนให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบัญชีตัวเองมากที่สุด ดังนั้นทำให้การส่งคำขอเป็นเพื่อนส่วนใหญ่ของบัญชีปลอม มักจะส่งคำขอเป็นเพื่อนไปหาใครก็ได้ ทำให้อัลกอลิทึมของ Facebook สามารถตรวจพบและติดตามได้ โดยยีดเอาจากอัตราการตอบรับคำขอเป็นเพื่อน และดูจากความเกี่ยวข้องด้านความสนใจ กิจกรรม หรือสิ่งที่คล้ายคลึงอื่นๆ ระหว่างบัญชีที่ส่งคำขอเป็นเพื่อน ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนา SybilEdge เครื่องมือที่ทำให้ Facebook สามารถตรวจจับบัญชีปลอมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ถึงแม้บัญชีปลอมใหม่ๆ จะมีการปรับรูปแบบการสร้างบัญชี แต่ Facebook ยืนยันว่า ทุกครั้งในการสร้างบัญชีปลอม มักจะมีรูปแบบบางอย่างที่เหมือนกันเสมอ ซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Facebook ได้ทำการตรวจจับและลบบัญชีปลอมออกจากแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Facebook ก็ได้ยืนยันเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยรายงานความโปร่งใสที่แสดงภาพรวมของการลบบัญชีปลอมจำนวนมากกว่า 5,400 ล้านบัญชีในช่วงไตรมาสสามของปี 2019 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่มีการลบไป 3,800 ล้านบัญชี
ถึงจะมีการตรวจและลบบัญชีปลอมเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แต่ Facebook ก็ออกมาบอกว่ายังคงมีบัญชีปลอมหลงเหลืออยู่ประมาณ 5% ของบัญชีผู้ใช้ทั้งหมด หรือคิดเป็นประมาณ 125 ล้านบัญชีเลยทีเดียว
