7 เทรนด์บน Facebook ที่กำลังจะมา และคุณต้องรู้เดี๋ยวนี้!

         ปี 2020 เป็นปีแห่งความยิ่งใหญ่และการเปลี่ยนแปลงของ Facebook หรือต้องเรียกว่า ‘Year of Facebook’s Revolution’ เลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2019 ที่ Facebook ต้องรับบทหนัก เพราะเรื่องการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน จนทำให้มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ต้องเสียค่าปรับจากคดีเหล่านี้ นอกจากเงินที่ต้องเสียไปแล้ว Facebook ยังต้องเจอกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น

         ทำให้ในปี 2020 เป็นปีของการเขย่าตัวเองใหม่ของ Facebook ตั้งแต่การออกมาบอกว่าจะเริ่มทำสกุลเงินของตัวเองอย่าง Libra ไปจนถึงการพัฒนา Virtual & Augmented เทคโนโลยีแสดงผลเสมือนจริง เพื่อให้โฆษณาบน Facebook มีความน่าสนใจมากขึ้น

         Facebook เคยเปลี่ยนโลกไปครั้งนึงแล้วเมื่อตอนที่เปิดให้ใช้งานครั้งแรก และ Facebook กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโลกอีกครั้ง จาก 9 เทรนด์ที่เตรียมจะทำในปี 2020 นี้

 

9 เทรนด์บน Facebook ที่ต้องจับตามอง

  1. ความ Privacy ของ Facebook จะมีมากขึ้น

         หลังจาก Facebook โดนเพ่งเล็งเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวหลายครั้ง ทำให้มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ต้องลุกขึ้นมาปรับเรื่องความเป็นส่วนตัวใหม่เพื่อเรียกความเชื่อใจของผู้ใช้งานกลับมา ถึงแม้จะรู้กันดีว่าสินค้าหลักที่ Facebook ใช้ทำเงิน นอกจากจะเป็นค่าโฆษณาแล้ว คือการขายข้อมูลผู้ใช้งานก็ตาม แต่ในปีนี้ Facebook ได้ปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ ด้วยการลดขนาด Community และสร้างการโต้ตอบมีส่วนร่วมในกลุ่มเล็กๆ มากขึ้น

  1. ออกแบบแพลตฟอร์มให้เป็น Group-Centric Design มากขึ้น

         Facebook ได้เปิดตัว FB5 หรือ Facebook เวอร์ชั่นที่ 5 ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ได้มีการพัฒนาโดยออกแบบให้ Facebook Groups เป็นศูนย์กลางของแพลตฟอร์มมากขึ่น ซึ่งได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยหลังจากพัฒนา Group-centric design ก็ทำให้ปุ่มแท็ปของ facebook group จะแสดงฟีดและกิจกรรมของสมาชิกในกลุ่ม พร้อมทั้งอัปเดตการเคลื่อนไหวภายในกลุ่มมากขึ้นในหน้าฟีด

         เนื่องจากแพลตฟอร์ม Facebook มีผู้ใช้ Facebook Group มากกว่า 1.4 ล้านคน โดยผู้ใช้จำนวน 400 ล้านคนบอกว่าการเข้าร่วม Facebook group นั้นมีประโยชน์มาก ทำให้ Facebook เริ่มให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นนี้มากขึ้น เพื่อปูทางต่อไปยัง Market place, Today In, แท็ปแกม และ Facebook Watch

  1. อัปเกรด Facebook Messenger โดยมี pivots เป็นหน้าเดสก์ท็อปไม่ใช่โมบาย

         ถึงแม้การใช้งานของ Facebook ส่วนใหญ่จะอยู่บนหน้าโมบายถึง 94% และ Facebook เองก็ได้รายได้จากโฆษณาเกือบทั้งหมดมาจากส่วนนี้ แต่อย่าไรก็ตามในการพัฒนา Facebook เวอร์ชั่นที่ 8 ได้มีการพูดคุยกันว่าจะเปิดตัวแอพเดสก์ท็อปสำหรับ Facebook Messenger รวมไปถึงการพัฒนาแอพบนเดสก์ท็อปของ Instagram ด้วยเช่นกัน

         Messenger Desktop จะมีฟังก์ชั่นเช่นเดียวกับ Messenger ในโมบาย โดยจะสามารถโทร วีดีโอคอล ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ทั้งนี้เพื่อดึงผู้คนมาใช้งานการทำงานแบบกลุ่มบนแพลตฟอร์ม Facebook มากขึ้น

  1. เพิ่มฟีเจอร์ซ่อนยอด Like

         หลังจากได้มีการทดลองซ่อนยอด Like ในแพลตฟอร์ม Instagram ที่ออสเตรเลียไปแล้ว ความคิดเห็นของผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวก ทำให้ Facebook เริ่มคิดที่จะนำการซ่อนยอด Like มาใช้บนแพลตฟอร์มตัวเองบ้าง ซึ่งการซ่อนยอด Like อาจทพให้เพจต่างๆ หรือบทความโฆษณาหาตัวชี้วัดได้ยากมากขึ้น พร้อมทั้งยังลดอิทธิพลต่อผู้บริโภค จากการที่ไม่มียอด Like มาเป็นตัวชี้นำ

  1. รูปแบบโฆษณาใหม่จะใช้ AR และ VR เข้ามา

         Facebook เริ่มมองเห็นว่ารูปแบบการโฆษณาบนแพลตฟอร์มเริ่มมีการเปลี่ยนไป ในขณะเดียวกันความนิยมของการโฆษณาแบบ dynamic อย่างเช่น Facebook stories นั้นเริ่มเติบโตและนิยมมากขึ้น เมื่อเห็นดังนี้ Facebook ก็ไม่รอช้า เริ่มทำโฆษณาแบบ Video Poll ที่สร้าง brand awareness ได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบวีดีโอปกติ

         หลังจากนั้ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ AR สำหรับโฆษณาบน Facebook และ Instagram ภายใต้ชื่อ Spark AR Studios ที่สามารถเพิ่มฟิลเตอร์และสร้างประสบการณ์เสมือนจริงกับตังสินค้ามากขึ้น ทำให้แบรนด์เชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากกว่าเดิม เช่น MAC Cosmetics แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง ได้ใช้ Spark AR ในการให้ลูกค้าได้ลองลิปสติกผ่านทาง AR ก่อนการตัดสินใจซื้อ ทำให้อุปสรรคของสินค้าคอสเมติก ที่ลูกค้ามักจะต้องไปลองสินค้าจริงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ หายวับไปกับตา

  1. เน้นสนับสนันธุรกิจเล็กๆ มากขึ้น

         มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ประกาศวิสัยทัศน์ 10 ปีของ Facebook ว่าจะเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งการสร้างเครื่องมือการค้า เครื่องมือชำระเงิน สำหรับธุรกิจขนาดเล็กมากขึ้น หลังจากเห็นว่ามีธุรกิจขนาดเล็กเข้ามาใช้ Facebook เพิ่มขึ้นจาก 90 ล้านบัญชีเป็น 140 ล้านบัญชีในช่วงปีที่ผ่านมา

  1. เปิดตัวสกุลเงิน Libra

         ช่วงกลางปี 2019 ได้มีการเปิดตัว Libra สกุลเงินดิจิตอลของ Facebook ที่ทั่วโลกต่างคาดการณ์ว่าหาก Facebook มีการพัฒนาและเชื่อมเครือข่ายสำเร็จ สกุลเงิน Libra จะเข้ามา disrupt หลายๆธุรกิจอย่างแน่นอน โดยการทำงานของ Libra คือการเป็นสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) โดยผ่าน Messenger, Whatsapp และแอพพลิเคชั่นแบบ stand alone โดยมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กตั้งใจว่าจะทำให้สำเร็จในปี 2030

 

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn