แพลตฟอร์มวีดีโอกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมากในช่วง 2-3 ปีให้หลังนี้ การแข่งขันที่รุนแรงเห็นได้ชัดเจนในช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมแซงหน้าเพื่อนคือ TikTok แพลตฟอร์มวีดีโอสั้นที่อยู่ดี ๆ ก็ดังเป็นพลุแตก เหตุผลที่แพลตฟอร์มสำหรับวีดีโอได้รับความนิยมมากขึ้น อาจมาจากการเลือกเสพคอนเทนต์ในรูปแบบที่ย่อยง่าย เบาสมอง และดึงดูดผู้บริโภค
Facebook เองก็เริ่มให้ความสำคัญกับการเผยแพร่วีดีโอมากขึ้นเช่นกัน โดยมีฟีเจอร์ Facebook Watch ที่คัดมาแต่วีดีโอความยาวระดับสั้นถึงปานกลางมาโดยเฉพาะ เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งานหันมารับชมวีดีโอผ่านช่องทางของ Facebook มากขึ้น
หลายคนอาจจะพอทราบมาแล้วว่าฟีเจอร์ Facebook Watch นั้นพัฒนามาจาก Facebook Live ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ข้อแตกต่างระหว่าง 2 ฟีเจอร์นี้ จะอยู่ที่ระบบการจัดการ โดยระบบการจัดการของ Facebook Watch นั้นจะมีการจัดเรียงวีดีโอเป็นตอน เป็นข่วง และสามารถกดเลือกหัวข้อที่น่าสนใจ วีดีโอที่มีประเด็นร้อน หรือมี Theme ที่มีความชัดเจน นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้เป็นการถ่ายทอดสด (Live) หรือเป็นวีดีโอรูปแบบธรรมดาเองก็ได้เช่นกัน ซึ่ง Facebook Watch ก็สามารถเข้าถึงผู้ชมได้จำนวนมาก
นอกจากนั้นอัลกอรึทึมขอวง Facebook Watch สามารถคัดกรองรูปแบบวีดีโอที่เข้าถึงผู้ใช้งานในระดับ Mass ได้อย่างดี ทำให้วีดีโอที่ถูกนำเสนอออกมา จะสะท้อนถึงเทรนด์การรับชมของผู้ใช้งานทั่วไปได้ด้วย
จุดแข็งอีกข้อของ Facebook Watch คือการที่เป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมากที่สุดในโลก ทำให้ตัวเลขการเติบโตของ Facebook Watch ในแต่ละเดือนมีจำนวนมากกว่า 720 ล้านคนทั่วโลก โดยในแต่ละวันจะมีคนจำนวนมากกว่า 140 ล้านคน ที่ใช้เวลาอย่างน้อย ๆ 1 นาที เพื่อเข้ามาดู Facebook Watch โดยสถิติจาก Facebook Watch ระบุว่า ระยะเวลาโดยเฉลี่ยในการรับชม Facebook Watch ต่อวันของผู้ใช้งานจะไม่น้อยกว่า 26 นาทีต่อวัน
วีดีโอแบบไหนที่จะเหมาะกับ Facebook Watch
เมื่อ Facebook Watch เป็นเหมือนกับทะเลที่มีปลาแหวกว่ายมากมาย สิ่งสำคัญก็คือจะทำยังไงให้สามารถเหวี่ยงแหจับปลาโดยไม่ไปทับซ้อนกับแหของคนอื่น ซึ่งก็เป็นที่มาว่าทำไมเราจึงต้องทำวีดีโอให้เหมาะกับลักษณะการรับชมของผู้ใช้งานใน Facebook Watch ด้วย ลองมาดูกันว่าเราควรจะทำวีดีโอแบบไหนให้เหมาะกับ Facebook Watch มากที่สุด
- วีดีโอจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่เผยแพร่โดย Publisher หรือ Creator เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าวีดีโอที่เผยแพร่โดยบัญชีผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ปรากฎใน Facebook Watch
- วีดีโอความยาว 1 นาที ถือเป็นช่วงเวลาคุณภาพของการทำวีดีโอลงบน Facebook Watch เพราะปกติแล้วการรับชมจะต่ำกว่านั้น ในขณะเดียวกัน เนื้อหาในวีดีโอหลังจากผ่าน 1 นาทีไปแล้ว ยังมีความสำคัญกับการแทรก Ad Break อีกด้วย เพราะการคั่นโฆษณาจะเริ่มได้หลังจากเวลาดังกล่าว
- เงื่อนไขการแทรก Ad Break นอกเหนือจากจะต้องเป็น Publisher หรีอ Creator เท่านั้นแล้ว ยังจะต้องมียอด Followers มากกว่า 10,000 คน และต้องเป็นวีดีโอที่มีความยาวเกิน 3 นาที จึงจะสามารถสร้างรายได้ผ่านเครื่องมือนี้ได้
- การสร้าง Ad Break ในวีดีโอ จะสามารถเลือกวางได้ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ โฆษณาก่อนเริ่ม ระหว่าง และหลังวีดีโอ หรือเรียกว่า In-Stream Video Placements นั่นเอง
- การสร้างกิจกรรม Watch Party บน Facebook Watch มีแนวโน้มว่าผู้ใช้งานจะแสดงความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นสูงว่าการรับชมแบบธรรมดาถึง 8 เท่า
เรียกได้ว่า Facebook Watch เป็นแพลตฟอร์มวีดีโอที่ไม่ทับซ้อนกับ TikTok ที่เน้นวีดีโอแบบสั้น และ YouTube ที่เน้นวีดีโอในรูปแบบยาว สำหรับ Content Creator สายวีดีโอ ควรมีการตัดความยาวของวีดีโอให้ครอบคลุมกับทุกแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน