ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ได้ทำหน้าที่เสมือนเป็นประตูรับแขกบานใหญ่ของประเทศคอยทำหน้าที่เชื่อมไทยกับทั่วโลก ด้วยจำนวนเฉลี่ยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อปีเฉลี่ยแล้วกว่า 45 ล้านคน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวสนามบินสุวรรณภูมิเองได้ใช้อาคารผู้โดยสารหลักที่ 1 เป็นอาคารผู้โดยสารหลัก รองรับผู้โดยสารมาตลอด 17 ปี จนล่าสุด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำการเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 45 ล้านคนเป็น 60 ล้านคนต่อปี
โครงการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) เป็นแนวคิดที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ จากเดิมที่มีแค่อาคารผู้โดยสารหลักเพียงหลังเดียว โดยแนวคิดนี้จริง ๆ มีมานานแล้วตั้งแต่ในช่วงเริ่มสร้างสนามบินในปี 2544 แต่กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งในช่วงหลัง ที่สนามบินสุวรรณภูมิต้องเจอกับปัญหาความแออัดของผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งมีการเคาะให้ก่อสร้างในปี 2559 โดยใช้งบประมาณกว่า 39,760 ล้านบาท บนพื้นที่ก่อสร้างกว่า 216,000 ตารางเมตร
สำหรับการเดินทางจากอาคารผู้โดยสารหลักไปยังตัวอาคาร SAT-1 ก็ไม่ยาก โดยจะมีรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติไร้คนขับ หรือ Automated People Mover (APM) ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 210 คนต่อขบวน คอยทำหน้าที่เชื่อมต่อจากอาคารผู้โดยสารกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ซึ่งตัว APM ที่ว่านี้สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากถึง 3,590 คนต่อชั่วโมงต่อเที่ยว เบ็ดเสร็จรวมระยะเวลาแล้วไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงอาคาร SAT-1
นอกจากนี้ตัวอาคาร SAT-1 ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์เด่นนั้นก็คืองานสถาปัตยกรรม ที่ภายในยังคงมีการออกแบบให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารหลัก โดยยังคงยึดหลัก Sustainable Design หรือการออกแบบอย่างยั่งยืน อย่างการออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าถึงตัวอาคารเพื่อลดการใช้พลังงาน และการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมกันนี้ยังมีการผสมผสานเอาความเป็นไทยผ่านหลากหลายชิ้นงานเช่น งานออกแบบช้างคชสารที่ตั้งอยู่บริเวณโถงกลางของชั้น 3 เหมือนเป็นโซนต้อนรับสำหรับผู้โดยสารขาออก
อาคาร SAT-1 ไม่เพียงแต่เป็นส่วนต่อขยายของสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ยังพร้อมให้บริการด้านการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางเชื่อมต่อประเทศไทยกับทั่วโลก ยังทั้งเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในการบอกเล่าเรื่องราวและอนาคตของประเทศไทยเอาไว้เป็นอย่างดี สุดท้ายนี้ขาดไม่ได้เลยกับผู้สนับสนุนใจดีของเรา LockhomeDigital.com กลอนประตูดิจิทัล, Digital Door Lock กลอนประตูดิจิทัลสัญชาติเกาหลี ที่พร้อมปกป้องคุณและบ้านให้ปลอดภัยหายห่วง