เรียกได้ว่าวันนี้ทั้งกองเชียร์และกองแช่งของเงิน 10,000 ดิจิทัล ต่างก็คงใจจดใจจ่อกับการแถลงข่าวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้ออกมาแถลงผลสรุปความคืบหน้าของนโยบาย Digital Wallet ซึ่งถือเป็นข่าวใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ วันนี้ Ensure เลยขออาสาสรุปเงื่อนไข-ขอบเขตการใช้งาน-วิธีการใช้ ว่าใครบ้างที่จะได้ใช้ เงิน 10,000 ดิจิทัล
ใครได้-ใครไม่ได้
-ประชาชนทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 54.8 ล้านคน
-ต้องมีรายได้ไม่ถึง 7 หมื่นบาทต่อเดือน และมีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท หากเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งก็จะไม่ได้รับสิทธิ
ขอบเขตการใช้งาน
– ใช้ได้ในระยะอำเภอตามบัตรประชาชน
– ระยะเวลาใช้เงิน 6 เดือน นับตั้งแต่เริ่มโครงการ
(คาดว่าจะเริ่มได้เดือน พฤษภาคม 67)
เงื่อนไขการใช้
-ใช้งานผ่าน “เป๋าตัง”
-ใช้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคได้เท่านั้น
-ไม่สามารถใช้กับบริการได้
-ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้
-ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
-ไม่สามารถนำไปซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณีได้
-ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้
-ไม่สามารถจ่ายค่าเรียน ค่าเทอม ได้
-ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้
-แลกเป็นเงินสดไม่ได้ แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้
นอกจาก ใครได้-ใครไม่ได้และเงื่อนไขการใช้งานแล้ว ที่มาของเงินที่จะมาใช้ในโครงการรัฐบาลก็ชี้แจงว่าจะมาจากการออกพรบ.เงินกู้เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ผสมกับงบประมาณ 100,000 ล้านบาท เอาเป็นว่าในเมื่อรัฐบาลยืนยันว่ามีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบาย Digital Wallet และย้ำว่านโยบายนี้ไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ ในฐานะประชาชนก็คงต้องจับตาว่าปลายทางนโยบายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจแค่ไหน Ensure ก็ขอเอาใจช่วยด้วย