Katharine Halpin ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท The Halpin และเป็นที่ปรึกษาด้านความเป็นผู้นำ ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา กล่าวว่า “เมื่อพนักงานมีคุณลักษณะเหล่านี้ พวกเขาจะถูกถือว่าเป็นผู้นำคนหนึ่ง ในบริษัท ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนในบริษัทก็ตาม” และ “พวกเขาจะสามารถรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาและข้อขัดแย้งต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งพวกเขาจะรู้วิธีจัดการรับมือให้เป็นไปทิศทางเดียวกับบริษัทโดยธรรมชาติด้วย” เคล็ดลับในการเป็นสุดยอดพนักงานอยู่ ซึ่งมันคือการผสมผสานระหว่างทักษะกับความคิด ที่คุณก็สามารถพัฒนาให้กับตนเองได้ด้วยการยึดหลัก 5 นิสัยที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ 1. การเลือกทำงานในที่ที่เหมาะกับความสามารถของตนเอง Halpin กล่าวว่าการเป็นสุดยอดพนักงานไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าหากความต้องการของบริษัทไม่ได้ตรงกับ ทักษะความสามารถและความคิดคุณที่คุณมี นอกจากนี้รายงาน การวิจัย ปี 2015 โดย Cicero Group พบว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดของการทำผลงานยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอก็คือ การได้รับการยอมรับ โดย 37% ของผลสำรวจชี้ว่า การได้รับความสนใจจากผู้จัดการหรือบริษัทเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้น จงเลือกที่ทำงานที่มีคนเห็นคุณค่าและความสำคัญของสิ่งที่คุณทำด้วยล่ะ 2. การใส่ใจกับสิ่งที่หัวหน้าให้ความสำคัญ Gayle Lantz ผู้ก่อตั้งบริษัท WorkMatters ผู้นำด้านการให้คำปรึกษาจากเมืองเบอร์มิงแฮม รัฐอัลบามา กล่าวว่า สุดยอดพนักงานคือคนที่คอยศึกษาเรียนรู้เป้าหมายหรือความต้องการของหัวหน้าของตน […]
ผู้คนส่วนใหญ่มักคาดหวังว่าจะสามารถสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ในเวลาที่จิตใจปั่นป่วน เราจะทำอย่างไรเมื่อมีภาระตึงเครียดหากว่าเราเคยเจอสถานการณ์เหล่านี้ Elizabeth Saunders มีไอเดียดี ๆ ให้เราได้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ของเธอที่เคยพบเจอมาตอนทำงานเป็นผู้เชียวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการที่สมองของคนเราสามารถสร้างไอเดียที่ดีที่สุดได้จากสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดออกมาจากความคิดใหม่ ๆ เริ่มแรก เราควรปล่อยวางและต้องไม่บังคับจิตใจของตัวเอง หากเรากำลังวิตกกังวล วาดกลัว หรือว่าเรากำลังเปิดโหมดป้องกันตัวเอง , โหมดการต่อสู้ สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ส่วนแรกของระบบสมองของเรามีความคิดสร้างสรรค์น้อยมาก การบอกตัวเองว่า “ชั้นจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์” หรือ “ฉันจะต้องทำมันตอนนี้” ห้ามบอกตัวเองแบบนั้นเด็ดขาด เปลี่ยนคำพูดเหล่านี้เป็น “มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ” “ยังมีทางไหนที่มันสามารถเป็นไปได้อีก” หรือ “ถ้าไม่ใช่ไอเดียนี้มีไอเดียอื่นอีกไหมที่คล้าย ๆ กัน” การทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาได้มากที่สุดเช่นการเดิน การงีบ การกิน หรือ การที่คุณพักผ่อนจิตใจด้วยวิธีอื่น ๆ เราจำเป็นจะต้องสร้างความรู้สึกที่ปลอดภัยเพื่อที่เราจะไม่รู้สึกกดดันและทำให้สมองมีประสิทธิภาพในความคิดมากขึ้น จากนั้นทดลองหรือทำกิจกรรมที่สามารถทำให้ตกในอยู่ภาวะความคิดกระจาย ประเภทของการคิดแบบนี้เป็นคล้าย ๆ กับสมองของเราทำงานอย่างไม่แน่นตึงเกินไป พยายามที่จะเชื่อมต่อในแต่ละส่วนขอสมองให้เข้ากันละจะเกิดการทำงานอย่างโฟกัสเรียกว่า “การมุ่งเน้นความคิด” กิจกรรมที่จะเข้ามาช่วยเหลือเราได้คือการเดิน การงีบ การกิน หรือ การที่เราพักผ่อนจิตใจด้วยวิธีอื่น ๆ เพื่อทำให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ […]
4 นิสัยที่ควรทำเป็นประจำในแต่ละวันเพื่อให้ทีมของคุณทำงานออกมาได้อย่างเชี่ยวชาญ 1. บอกทีมงานในทุกวันว่าคุณพร้อมจะสนับสนุนทุกคนในทีมเสมอ เป็นปกติที่จะให้รางวัลหรือกล่าวคำชม หากลูกน้องของคุณสามารถทำผลงานออกมาดี แล้วคุณควรทำอย่างไรให้พวกเขาสามารถทำงานออกมาดีล่ะ? ในตอนเด็ก ที่คุณหัดปั่นจักรยาน คุณยังมีพ่อแม่ที่คอยช่วยเหลือและดูแลคุณอยู่ข้าง ๆ จนทำให้คุณมั่นใจและกล้าจะลองในประสบการณ์ใหม่ได้ เพราะคุณได้รับแรงสนับสนุนที่ดีก่อนที่คุณจะกล้าเริ่มอะไรใหม่ ๆ เสียอีก ถึงแม้ว่าลูกน้องในทีมของคุณจะไม่ใช่เด็ก แต่การให้กำลังใจและคอยให้คำแนะนำพวกเขาเพื่อให้พวกเขารู้ว่ามีคุณพร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่เสมอก็ถือเป็นเรื่องดี การที่คุณแสดงออกว่าคุณเห็นพวกเขาสำคัญรวมไปถึงการคอยบอกคนในทีมของคุณว่าพวกเขามีคุณสมบัติและทักษะในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้ และถ้าหากพวกเขาต้องเจอกับปัญหายาก ๆ ก็ให้พวกเขาได้มั่นใจว่าคุณจะคอยสนับสนุนและช่วยเหลือพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน 2. ทำให้ลูกทีมรู้ว่าคุณพร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับพวกเขา บรรดาหัวหน้าหรือผู้จัดการที่ดีนั้นมักจะรู้วิธีในการแก้ปัญหากับบุคลภายในทีมได้อย่างไร และวิธีที่จะทำให้ลูกน้องในทีมสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขามักจะเห็นอกเห็นใจและเข้าใจลูกทีมของเขาเสมอ และรู้ว่าการถูกปฏิเสธนั้นเป็นอย่างไร พวกเขาจะปกป้องลูกน้องในทีมที่ไม่ได้รับการเคารพหรือถูกลูกค้าคุกคาม นอกจากคำพูดที่คอยบอกพวกเขาว่าคุณพร้อมจะอยู่เคียงข้างพวกเขานั้น การแสดงออกเล็ก ๆ ถึงความใส่ใจของคุณที่มีต่อลูกทีมก็นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นปกติต้องเป็นลูกทีมคุณที่ต้องนำกาแฟมาให้ แต่ถ้าหากคุณเห็นว่าลูกทีมคุณกำลังง่วนอยู่กับการเคลียร์งานจนไม่มีเวลาว่าง แทนที่จะบอกให้เขาพักซัก 1 นาทีลองนำกาแฟซักแก้วมาให้ลูกน้องคุณบ้าง แค่นั้นก็สามารถแสดงออกถึงความใส่ใจและความเป็นห่วงต่อคนในทีม เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็สามารถสร้างกำลังใจให้กับลูกทีมได้มากเหมือนกัน 3. พูดคุยในเรื่องต่าง ๆ ไม่ใช่พูดแค่เรื่องงานกับพวกเขาเท่านั้น รู้จักสร้างความผูกพันกับคนอื่น ๆ ในทีมมากขึ้น เมื่อมีโอกาสพูดคุยกับลูกทีมของคุณ คุณต้องกล้าเปิดใจพูดถึงทั้งเรื่องที่ดีและร้าย รวมไปถึงความลับบางเรื่องที่คุณจะสามารถแชร์ให้คนอื่นได้รับรู้ได้ เพราะการเปิดใจพูดจะทำให้ลูกทีมของคุณเห็นว่าคุณก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกันกับพวกเขา เมื่อคุณรู้จักแบ่งปันเรื่องราวของคุณแล้ว ก็ต้องรู้จักรับฟังเรื่องของลูกทีมของคุณด้วยเช่นกัน เมื่อคุณและลูกทีมคุณมีโอกาสพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ และสามารถแชร์เรื่องราวให้ซึ่งกันและกันรับรู้ได้ […]
ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่มักจะผันตัวไปทำงานอิสระและเลือกรับงานที่ต้องการมากขึ้น เช่นในสหรัฐอเมริกานั้น มีคนทำงานกว่า 57.3 ล้านคนจากทุกวัยเลือกที่จะเป็นพนักงานอิสระหรือฟรีแลนซ์กันมากขึ้น ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างและอิสระในการทำงาน พวกเขาเลือกงานที่ถนัดและมั่นใจว่าสามารถทำได้ แต่ในความคิดของคนส่วนมากยังคงอคติกับผู้ที่ทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์อยู่เหมือนเดิม และนี่คือข้อคิดหรือความเชื่อที่คนภายนอกมักมองพนักงานอิสระอย่างผิด ๆ มาโดยตลอด 1 พนักงานฟรีแลนซ์ไม่สามารถทำงานยาก ๆ ได้ บรรดาผู้บริหารและผู้จัดการมักจะทึกทักกันไปเองว่าฟรีแลนซ์มีคุณสมบัติที่ไม่เพียงพอ แต่ที่จริงพวกเขาคิดผิด เกินกว่าครึ่งของพนักงานอิสระหรือฟรีแลนซ์นั้นมีการศึกษาขั้นต่ำคืออนุปริญญา ทุกวันนี้พนักงานอิสระนับว่าเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตลาดเฉพาะกลุ่มอีกด้วย ตัวอย่างเช่นคุณสามารถหาลูกจ้างอิสระที่มีทักษะเฉพาะในด้านนั้น ๆ ดีกว่าการจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่ทำงานได้ทุกด้านแต่ไม่ได้มีทักษะพิเศษเฉพาะด้านนั่นเอง ซึ่งคุณสามารถหาเหล่าลูกจ้างอิสระที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านแบบนี้ได้ในเว็บไซต์ Upwork ซึ่งรวมพนักงานอิสระที่มีความสามารถหลากหลายไว้ รวมไปถึงนักเขียน นักพัฒนา และนักการตลาดอีกด้วย หรือจะเป็นเว็บไซต์ Kolabtree ที่รวบรวมนักวิทยาศาสตร์อิสระไว้ให้คุณสามารถเลือกจ้างได้ 2 ฟรีแลนซ์รับงานเพียงแค่งานเดียว โดยทั่วไปเหล่าหัวหน้างานที่จ้างพนักงานฟรีแลนซ์มักจะคิดว่าเมื่อพวกเขาทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จก็จะไม่รับงานเพิ่มอีก แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะที่จริงแล้วฟรีแลนซ์สามารถรับงานอื่นจากผู้ว่าจ้างงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลักจากเสร็จงานนั้น Michael Burdick ประธานบริหารของ Paroหรือบริษัททางการเงินได้กล่าวไว้ว่า ที่จริงแล้วเหล่าฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่นั้นเปิดรับการทำงานแบบเต็มเวลาถ้าหากว่ามีบริษัทหรือนายจ้างไหนที่ให้เงินค่าจ้างเป็นที่พอใจสำหรับพวกเขา ซึ่งเขากล่าวว่าความสามารถและทักษะเฉพาะด้านของฟรีแลนซ์นั้นคุ้มค่าที่จะจ่าย และพร้อมที่จะเริ่มทำงานแบบเต็มเวลาหากเจอนายจ้างหรือบริษัทที่เหมาะกับการทำงานของพวกเขาและเข้ากับพวกเขาได้ 3 ฟรีแลนซ์มักไม่มีความซื่อสัตย์ ถึงแม้ว่าพนักงานฟรีแลนซ์จะไม่ได้มีเจ้านายคอยคุมตลอดเวลาในขณะทำงาน แต่พวกเขาก็สามารถจัดการหรือผลลัพธ์ได้ออกมาดีเหมือนกัน ตามที่ Burson-Marsteller […]
ช่วงฤดูแห่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทั้งการเลือกตั้งของสหรัฐหรือการที่อังกฤษเลือกโหวตออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) สิ่งเหล่านี้สร้างความวิตกให้กับชนชั้นแรงงานเป็นอย่างมากในเรื่องของอนาคต ซึ่งสิ่งที่พวกเขากังวลนั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเลือกของงาน เสียงที่ดังที่สุดทั้งในสหรัฐอเมริกาและในต่างประเทศมักเป็นเสียงที่แสดงเกี่ยวกับความเกลียดชังและกีดกัน แต่ความเกลียดชังและการกีดกันจะไม่ทำให้เกิดการจ้างงาน Carol Dweck กับเพื่อนร่วมวิจัย David Yeager จากมหาวิทยาลัย Texas at Austin ช่วยกันสร้างวิธีการละลายพฤติกรรมอย่างถาวรเหล่านั้นโดยชื่อว่า “a nation of learners” ประเทศที่เป็นผู้เรียนรู้ นักเรียนระดับมัธยมประมาณ 19,000 คน ทั่วสหรัฐถูกสอบถามเพื่อให้ทำแบบทดสอบคณิตศาสตร์ที่เป็นหัวข้อวิจัย ค้นพบว่านักเรียนเหล่านี้เลือกที่จะทำข้อที่ง่ายที่สุดและพวกเขารู้ว่าจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการทำแบบทดสอบนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องไม่ดีเสมอไปเมื่อพบว่านักเรียนที่มีส่วนร่วมในการทำ workshop ออนไลน์มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ใน workshop ออนไลน์นี้สามารถทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ 2 สิ่ง อย่างแรก คือ พวกเขาเรียนรู้กรอบความคิดแบบเติบโต ผ่านการทำแบบทดสอบที่ยาก และใช้ความพยายามในการทำแบบทดสอบเหล่านี้สามารถทำให้สมองและทักษะของพวกเขาพัฒนาขึ้น อย่างที่สอง คือ พวกเขาได้ทำแบบสอบถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในสังคม ในชีวิตไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน หรือสังคม พวกเขาได้เรียนรู้วิธีการใช้กรอบความคิดแบบเติบโต และหน่วยความจำในสมองเพื่อช่วยในการทำแบบทดสอบเหล่านั้น ซึ่งนักเรียนเหล่านี้สามารถช่วยให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ยากลำบากได้เมื่อเปรียบเทียบกับนักเรียนที่มาได้เข้าร่วมทำ workshop ครั้งนี้ ทั้ง 30% ของเด็กนักเรียนเหล่านี้เลือกปัญหาที่ท้าทายต่อความสามารถของพวกเขา ปัญหาที่จะทำให้พวกเขามีพัฒนาการในสมองมากขึ้นพวกเขาเรียนรู้กรอบแนวคิดแบบเติบโตความคิดที่ว่าผ่านการทำงานอย่างหนักกับงานที่ยากพวกเขาสามารถพัฒนาสมองและความสามารถของพวกเขา […]
4 เคล็ดลับความสำเร็จของ ‘โทนี่ ร็อบบินส์’ นักเขียนและไลฟ์โค้ชชื่อดังผู้นี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Tom Bilyeu ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ Quest Nutrition บริษัทซึ่งเป็นบริษัทผลิตเวเฟอร์โปรตีนที่กำลังขยายกิจการอย่างรวดเร็ว โดยมีรายงานว่าขณะนี้บริษัทมีมูลค่าถึง 900 ล้านเหรียญ บริษัทได้ทำวิดิโอเป็นซีรีส์รายสัปดาห์ชื่อว่า Inside Quest โดยให้ Tom Bilyeu สัมภาษณ์บรรดาผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจว่าพวกเขามีแนวคิดอย่างไรกันบ้างเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเหล่านักธุรกิจด้วยกัน ร็อบบินส์ ผู้เขียนหนังสือ “Money: Master the Game” เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองถึง 12 ธุรกิจ และยังเป็นโค้ชให้กับผู้คนกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก โดยลูกค้าของเขามีทั้ง Carl Icahn, Bill Clinton และ Oprah Winfrey แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ เขาให้คำแนะนำว่าการบรรลุผลไม่ได้ทำให้มีความสุขหรือความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การเข้าใจตัวเอง เข้าใจสิ่งที่ตนเองรัก และใช้ชีวิตให้ขึ้นตรงกับสิ่งเหล่านั้น เขากล่าวว่า “การตัดสินใจของเราควบคุมเรามากกว่าสถานะของเราเสียอีก” 1. เน้นให้ธุรกิจของคุณสร้างประโยชน์ หรือให้คุณค่ากับผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อสร้างเงิน ร็อบบินส์ […]
วิธี “ช่วยลดความเครียด” ต้นเหตุที่ทำให้เราแก่เร็ว ! 1. ปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ เราต้องลองเปลี่ยนมุมมองดูบ้าง หลายคนมักเสียเวลาไปกับการรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาสมดุลชีวิตได้ แต่เชื่อไหมว่าความจริงแล้ว เราจะไม่รู้สึกว่าชีวิตลงตัวได้สักทีหรอก ตราบใดที่เรายังมีเป้าหมายและความฝันอยู่ในใจ นั่นก็เพราะว่าเรายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องลงมือทำ ต้องเรียนรู้ และต้องบรรลุให้ได้ ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เป็นดังหวังจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาคิดมากหรือกังวลจนเกินไป 2. ตระหนักไว้ว่า แค่ทำให้ ‘ดี’ ก็เพียงพอแล้ว เลิกเสียเวลาไปกับการทำทุกอย่างให้เพอร์เฟกต์ ไม่ว่าจะเป็นการเสนองาน หรือการหาของขวัญให้ลูกหลาน หรือทำความสะอาดของบ้านก็ตาม การทำให้ดีได้ 80% นั้นก็นับว่าเพียงพอแล้ว เพื่อที่จะได้มีเวลาไปทำงานอย่างอื่นกันต่อไป เพราะไม่อย่างนั้นเวลาในชีวิตของเราคงจะสูญเปล่าไปกับการพยายามทำมันเต็มร้อย แต่ก็ไม่เต็มร้อยสักทีนั่นเอง 3. จะงีบหรือจะแพ้ คนบ้าคลั่งทำงานมักคิดว่า “ฉันจะหลับเมื่อฉันตายเท่านั้น” แต่ประเด็นคือ การไม่หลับนั่นแหละที่จะทำให้เราตายไม่ช้าก็เร็วนี้แน่นอน ความเหนื่อยล้าไม่ใช่ตราของเกียรติยศ หากไม่นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่ม เราก็ทำประโยชน์อะไรให้ตัวเองและคนอื่นรอบข้างได้ไม่เต็มที่เช่นกัน การนอนดึกเพื่อที่จะทำงานให้เสร็จหรือชอบทำอะไรจนนอนดึกๆดื่นๆ มักทำให้เราสูญเสียมากกว่าเรื่องสุขภาพ เพราะมันอาจทำให้คุณหงุดหงิดง่าย ขี้หลงขี้ลืม เจ็บป่วย มีการตัดสินใจแย่ลง และมักจะทำผิดพลาดบ่อยครั้ง จนไปถึง น้ำหนักเพิ่มขึ้นเลยทีเดียว 4. ปฏิเสธคนอื่น เพื่อตัวเราเองเสียบ้าง เรากำลังถูกขอร้องให้ร่วมงานสังคม […]
ย้อนกลับไปในปี 2015 Harvard Business Review กล่าวไว้ว่า “การเจริญสติไม่ควรถูกมองว่าเป็น สิ่งที่มีแล้วดีสำหรับผู้บริหารอีกต่อไป มันเป็น สิ่งที่จำเป็นต้องมีเสียมากกว่า” บุคคลชื่อดังระดับโลกเช่น Jeff Weiner, Bill Ford, Marc Benioff, Steve Jobs และ Arianna Huffington ล้วนแต่ต้องมีทักษะในการฝึกฝนเจริญสติ เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน สำหรับคำว่า เจริญสติ หรือ mindfulness นั้นมีนิยามว่า : “ การฝึกฝนในการรักษาสภาพจิตสำนึกหรือความตระหนักในความคิดอารมณ์หรือประสบการณ์ของคน ๆ นั้นให้สมบูรณ์ในทุกช่วงเวลา “ พนักงานที่ได้รับการศึกษาในด้านนี้จะได้เรียนรู้ที่จะเพิ่มระดับการรับรู้ตนเอง เสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น จัดการความเครียดได้ดีขึ้น เอาใจใส่มากขึ้น ตัดสินผู้อื่นน้อยลงตั้งใจตั้งใจฟัง สื่อสารได้เข้าใจและชัดเจนยิ่งขึ้น เรามีวิธีที่จะช่วยลดความรุนแรงทางอารมณ์ และช่วยให้มีประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ด้วยกัน ดัง 3 ข้อต่อไปนี้ 1) ลดความก้าวร้าวในเวลาขัดแย้ง ทุกองค์กรจะต้องมีความขัดแข้งเกิดขึ้นเวลาที่จะต้องตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ และนำไปสู่การใช้อารมณ์จนทำให้เรื่องบานปลายจนได้ […]
เมื่อทุกคนเริ่มต้นที่จะสร้างอาณาจักรของตัวเองแต่กลับกลายเป็นว่าสร้างกรงขังให้ตัวเอง รู้สึกเหมือนเป็นนักโทษที่ติดอยู่ในระบบของธุรกิจ พยายามหาความอิสระ ทำให้คิดว่ากำลังพยายามสร้างอะไรอยู่ ? โดยความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของการทำธุรกิจคือการกักขังตัวเองไว้กับธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่มันมีวิธีต่าง ๆ มากมายที่สามารถช่วยให้เราเป็นอิสระจากมันได้ 1. Keep the end in mind. (กำหนดจุดสิ้นสุด) ก่อนที่เราจะเริ่มต้นทำทุกสิ่งทุกอย่างก่อนนั้น เราควรจะคาดการล่วงหน้าไว้เลยว่าตอนจบจะเป็นเช่นไร เหมือนกับการเดินทาง โดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ที่ต่อให้เราจะเปิดโทรศัพท์ดูแผนที่เพื่อนำทางเราไปยังจุดหมายได้สำเร็จ แต่เราไม่มีจุดมุ่งหมายเราก็จะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปทางใด ก็เหมือนกับการทำธุรกิจ หากไม่มีจุดกำหนดอย่างชัดเชนคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าควรจะจับจุดไหนก่อน ซึ่งหากคุณต้องการเวลาต้องการอิสระแต่คุณยังเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยกัน คุณก็จะหมดโอกาสในการทำบางสิ่งบางอย่างไปเลยเพราะฉะนั้นคุณต้องกำหนดเส้นทาง และจุดสิ้นสุดของธุรกิจเพื่อจะทำธุรกิจได้อย่างมีอิสระมากขึ้น 2. Have the right people. เลือกคนให้เป็น ลงทุนกับคนที่สามารถทำให้คุณมีอิสระจากธุรกิจได้โดยพนักงานทุกคนจำเป็นต้องเข้าใจทุกกระบวนการของการทำงาน เพราะถ้าหากพนักงานเข้าใจกระบวกการของการทำงานและสามารถปรับตัวได้กับงานที่ทำ พวกเขาก็จะมีกระบวนการในการตัดสินใจที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพทำให้เรามีอิสระมากขึ้นในการทำงาน และยังสามารถแบ่งบันประสบการณ์ต่อไปได้อีก ซึ่งจะทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร เพราะฉะนั้นการสร้างความสามัคคี วัฒนธรรมที่ดี เป็นที่รักของพนักงานแล้ว คุณก็จะมีอิสระมากขึ้น 3. Build the right systems. สร้างระบบงานที่ดี ถ้าหากว่าระบบโครงสร้างของงานไม่ดีจะทำให้บริษัทของคุณมีอุปสรรค์มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากธุรกิจเล็ก ๆ หากคุณต้องการจะมีชีวิต คุณต้องการความเป็นระบบระเบียบ […]
เมื่อผู้นำที่ดีสร้างผลลัพธ์ที่แย่ !! จริยธรรมของผู้นำนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ ผู้นำที่ไร้จรรยาบรรณสามารถสร้างความเสียหายกับความสำเร็จในระยะยาวของตนเองได้รวมไปถึงผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่การศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัย Baylor University demonstrates กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ เมื่อผู้นำที่ดีนั้นไม่สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่เป็นด้านลบได้เหมือนกัน การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ การศึกษาได้แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท ซึ่งแต่ละพาร์ทก็มีนัยที่น่าสนใจว่าการมีผู้นำที่มีจริยธรรมนั้นส่งผลต่อความพึงพอใจและการทำงานของลูกจ้างอย่างไร Study 1 จากการสำรวจพนักงานลูกจ้างและเพื่อนร่วมงานจำนวน 310 คน พบว่าพวกเขามีจรรยาบรรณและจริยธรรมมากกว่าเพื่อนร่วมงาน และมันทำให้พวกเขารู้จักข่มอารมณ์ขุ่นเคืองต่อพวกเขา ยิ่งพวกเขาใจดีกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ทำให้ตัวพวกเขาเองทำงานได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานของเขา นอกจากนี้ พวกเขายังรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานนั้นมักจะแอบคุยกันอย่างลับ ๆ ทั้งพูดจากระแทกแดกดัน นินทา และ ยังพยายามขัดขวางการทำงานของพวกเขาโดยการให้ข้อมูลผิด ๆ หรือหาข้อมูลที่ไม่ดีในการทำงานให้ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้พวกเขามักรู้สึกเหมือนถูกเมิน ถูกหลีกเลี่ยง ถูกตัดบทการสนทนา เป็นต้น Study 2 ส่วนการศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีผู้เข้าร่วม 121 คน ซึ่งเขามีจริยธรรมหรือจรรยาบรรณมากกว่าหรือน้อยกว่าผู้เข้าร่วมคนอื่น ในกลุ่มที่บอกมีจริยธรรมมากกว่าก็จะสามารถทำงานได้ดีกว่า ส่วนคนที่บอกว่ามีจริยธรรมน้อยกว่าก็จะทำงานได้ไม่ดีเท่าอีกฝ่ายนั่นเอง ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกันกับกลุ่มที่ 1 ลูกจ้างที่มีจริยธรรมมากกว่ามักจะเก็บความรู้สึกแย่ ๆ กับเพื่อนร่วมงานของพวกเขาไว้ในใจ และมันจะยิ่งแย่กว่าเดิมถ้ามีใครบอกพวกเขาว่าพวกเขาทำงานได้ไม่ดี การศึกษาแสดงให้เห็นว่านายจ้างที่ให้รางวัลแก่ลูกจ้างหรือบอกพวกเขาว่าเขามีจริยธรรมมากกว่าอีกฝ่าย กลับกลายเป็นว่าทำให้ลูกจ้างรู้สึกถูกคนอื่นนินทา […]