ทิม คุก (Tim Cook) คือผู้บริหารที่มารับไม้ต่อจาก สตีฟ จ็อบ (Steve Jobs) ในการเป็นผู้บริหารดูแลกิจการคนปัจจุบันของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple มาอ่านว่าเขามีบทเรียนใดๆ บ้างในการเป็นผู้นำของบริษัท Apple ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากเขา 1.รู้จักใส่ใจและฟังอย่างตั้งใจ ทิม คุกนั้นเป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากสตีฟ จ็อบ นั้นก็คือ ทิม คุก นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบและเก็บตัวในขณะที่ สตีฟ จ็อบ จะเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผยมากกว่า ทิม คุก จะตั้งใจฟังอยู่เสมอ เขาใส่ใจและฟังผู้คนรอบข้างเขาอย่างตั้งใจ ซึ่งการรับฟังผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในตำแหน่งผู้นำที่ต้องบริหารผู้คนเป็นจำนวนมากและควรจะฟังอย่างตั้งใจเพื่อที่จะสามารถได้รับข้อมูลข่าวสารหรือมุมมองความคิดเห็นใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาธุรกิจหรือบริษัทของคุณได้ อีกอย่างหนึ่งการรับฟังเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องนั้นยังถือว่าเป็นการเคารพพวกเขาซึ่งทำให้ได้ความนับถือจากพวกเขาได้อีกด้วย 2.รู้จักถ่อมตน “ การถ่อมตนนั้นจะทำให้คุณได้รับความเคารพจากพนักงานของคุณและการถ่อมตนนั้นคือลักษณะนิสัยสำคัญที่จำเป็นต้องการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม.” ทิม คุกได้แสดงความเห็นว่า การถ่อมตนนั้นเป็นลักษณะนิสัยอันสำคัญที่จะช่วยให้คนสามารถกลายเป็นผู้นำที่ดีได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้บริหารของ Apple แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าเขาเคยเริ่มต้นจากจุดไหน บางครั้งเขาก็มักจะหาเวลาว่างไปพบปะพนักงานตามร้านบริการ Apple หรือพูดคุยกับลูกค้า Apple โดยตรงแทนที่จะคุยผ่านอีเมล 3.ทำสิ่งที่คุณทำอยู่ให้ดี Apple เป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่อย่างแต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลับกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลและขายได้ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Macbook สองอุปกรณ์นี้เป็นที่ขายดีและมีผู้ใช้งานแทบทั่วทั้งโลก ทิม คุก เชื่อว่าการใส่ใจต่อการสร้างผลิตภัณฑ์ […]
ในช่วงระยะเวลางานหนังสือแต่ละปี ช่วงเมษายนนี้ แน่นอนว่าต้องอยากจะไปซื้อหนังสือเล่มใหม่ๆ กันมาอ่านอย่างแน่นอน แต่ปัญหาที่หลายคนประสบนั้นก็คือ หนังสือที่เคยซื้อมาครั้งก่อนๆ นั้นยังอ่านไม่หมดเลย ทำอย่างไรดีถึงจะอ่านหนังสือเก่าให้หมดและอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิมได้ มาอ่าน 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณอ่านหนังสือให้ได้มากกว่าเดิมกันเถอะ 1.นำหนังสือที่อยากอ่านติดตัวไปด้วยทุกที่ ในแต่ละวันย่อมจะมีช่วงเวลาว่างอยู่แน่นอน เมื่อเดินทางออกไปข้างนอกลองพกพาหนังสือที่อยากจะอ่านไปกับตัวคุณด้วยสิ บางครั้งระหว่างเดินทางหรือรอรถประจำทาง, รอเพื่อน ไม่รู้จะทำอะไรดีนอกจากหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นก็ลองเปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือที่ติดตัวมาอ่านดู อ่านทีละเล็กทีละน้อยก็ยังดี 2.หาเวลาอ่านหนังสือประจำตัว ถ้าอยากอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิมคุณควรจะหาเวลาอ่านหนังสือประจำตัวคุณเอง มันอาจจะเป็นช่วงเวลาก่อนเข้านอนสัก 30 นาทีหรือในระหว่างช่วงบ่ายของวันสัก 1 ชั่วโมงก็ได้ หาเวลาอ่านหนังสือที่เหมาะกับตัวของคุณและอ่านหนังสือยึดตามระยะเวลาเหล่านั้นจนกลายเป็นนิสัย เมื่อกลายเป็นนิสัยคุณก็จะสามารถอ่านหนังสือได้มากขึ้น 3.ให้ลำดับความสำคัญของการอ่านมากขึ้น ถ้าอยากอ่านหนังสือให้ได้มากกว่าเดิม ก็ต้องให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น บางครั้งคุณอาจจะต้องเสียสละเวลาในการทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อมาให้เวลากับการอ่านหนังสือมากขึ้น 4.กำหนดว่า วันนี้จะอ่านกี่หน้า ถ้าตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือรวดเดียวให้จบเลยนั้นอาจจะเป็นเป้าหมายที่ต้องใช้ความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากและในช่วงแรกนั้นอาจจะเป็นเป้าหมายที่ยากไปเสียหน่อย ลองมาเปลี่ยนเป้าหมายจากแค่วันนี้จะอ่านหนังสือเป็น วันนี้จะอ่านหนังสือเล่มนี้กี่หน้าจะช่วยทำให้คุณอยากอ่านหนังสือได้มากกว่า เช่นวันนี้อ่านหนังสือ 30 หน้าจะทำได้ง่ายกว่าการตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือ 1 เล่ม 5.จัดลิสหนังสือที่อยากจะอ่าน หากคุณเป็นคนที่ซื้อหนังสือมาหลายเล่มแต่ไม่มีเวลาจะอ่านแต่ก็ไม่อยากจะอ่านเพียงเล่มใดเล่มหนึ่ง อยากอ่านทุกเล่ม การจัดลิสหนังสือที่จะอ่านในแต่ละวันจะช่วยให้คุณสามารถอ่านหนังสือที่อยากอ่านได้หลายเล่มอย่างแน่นอน นำ 5 เทคนิคไปใช้รับรองว่าคุณจะสามารถอ่านหนังสือได้มากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน
หากคุณกำลังตั้งใจจะเป็นผู้ประกอบการหรือเริ่มต้นทำธุรกิจล่ะก็ คุณต้องเรียนรู้ความผิดพลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องพบเจอ อ่าน 5 ความผิดพลาดที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักทำพลาดไว้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ผิดพลาดและเรียนรู้ได้จากความผิดพลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่ 1.ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน ความผิดพลาดที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักจะทำพลาดกันก็คือ การไม่ตั้งเป้าหมายหวังแค่ว่าจะทำมันไปเรื่อยๆ ความผิดพลาดนี้ก็คือเมื่อคุณไม่มีเป้าหมายคุณก็จะไม่รู้ว่าคุณจะทำอะไรต่อไป ทำให้ท้ายที่สุดแล้วคุณจะจบลงที่การไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเลย เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ควรจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเสมอ เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะสามารถลงมือวางแผนเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นได้ง่ายขึ้นและจะช่วยลดปัญหา “ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี.” หากคุณมีไอเดียอันยิ่งใหญ่แล้วก็ลองตั้งเป้าหมายไปทีละขั้นทีละขั้นดูสิ มันจะช่วยคุณได้แน่นอนในช่วงเริ่มต้น 2.ตั้งใจจะทำเพื่อเงินอย่างเดียว ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของการเป็นผู้ประกอบการนั้นก็คือ การมุ่งหวังที่จะหาเงินอย่างเดียว แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากจะได้เงินแต่ถ้าหากไม่ทำในสิ่งที่รัก ไม่วิ่งตามความฝันเพื่อไล่ตามเงินเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะได้เงินมากมายแค่ไหนสักวันหนึ่งคุณจะเหนื่อยกับมันอย่างมหาศาลและมีโอกาสที่จะล้มเหลวสูงเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นหากเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ควรจะทำธุรกิจจากสิ่งที่คุณรักและสนใจอยากจะทุ่มเทเพื่อมันเพียงจริงๆ เพราะถ้าหากจะหวังผลกำไรให้ได้เงินละก็ คุณจะท้อแท้และเหนื่อยกับมันเป็นอย่างมาก เผลอๆคุณอาจจะเสียเงินลงทุนไปฟรี เพราะท้ายที่สุดการทำเพื่อเงินไม่ทำในสิ่งที่รักอาจจะไม่ได้กำไรอย่างที่หวัง 3.พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โลกทุกวันนี้การเป็นผู้ประกอบการนั้นคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอไปแล้ว คุณสามารถหาจ้างฟรีแลนซ์, ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ, จ้างคนทำงานภาระบางอย่างแทนตัวคุณได้เสมอ การพยายามจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้ธุรกิจคุณรอดได้ เพราะฉะนั้นเมื่อธุรกิจเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แบ่งภาระงานของคุณให้คนอื่นทำหรือหาจ้างคนมาช่วยทำงานแบ่งเบาภาระของคุณ แต่แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นคุณอาจจะต้องหาทางทำธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่างด้วยตัวเองให้ได้เสียก่อนแต่หลังจากนั้นคุณควรจะหาคนมาช่วย มิเช่นนั้นคุณจะไม่มีเวลาได้ใช้เงินจากรายได้ที่คุณทำได้อย่างแน่นอน 4.ไม่วางแผนการตลาด ความผิดพลาดที่จะทำให้ธุรกิจใดๆ ล้มเหลวนั้นก็คือ การละเลยการวางแผนการตลาด ไม่ว่าสินค้าคุณจะดีเท่าใดในช่วงเริ่มต้นนั้นมันยากยิ่งที่คุณจะสามารถสร้างชื่อให้สินค้าหรือให้ธุรกิจของคุณได้ ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักจะละเลยถึงการวางแผนการตลาดและการไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ยิ่งโดยเฉพาะทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียที่ใครๆ ก็เป็นผู้ประกอบการกันหมด การจะขายสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณนั้นก็จะยากขึ้นไปอีกหากไม่วางแผนการตลาดให้ดีพอ เพราะฉะนั้นให้ความสำคัญกับการวางแผนการตลาดมากขึ้นแล้วมันจะช่วยคุณได้อย่างมหาศาล 5. หวังให้ประสบความสำเร็จทันที แน่นอนว่าหากเป็นผู้ประกอบการแล้วนั้นใครๆ ก็หวังอยากจะให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วแต่ว่าไม่มีสิ่งใดที่คุ้มค่าได้มาง่ายๆ ความผิดพลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่นั้นก็คือ พวกเขาจะคาดหวังให้สิ่งที่พวกเขาทำนั้นประสบความสำเร็จโดยทันที นั้นเป็นความผิดพลาดที่จะทำให้คุณผิดหวังและท้อแท้เป็นอย่างมาก […]
ไม่มีอะไรน่ากลัวเกินไปกว่า การพบว่าไม่มีเงินสักบาทในกระเป๋าตังค์หรือแม้แต่ในบัญชีในยามฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นมาสร้างนิสัย หาสไตล์การออมเงินที่เหมาะกับตัวคุณเองกันเถอะ เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่มีเงินเก็บสักบาทในวันที่ต้องการเงินพิเศษ ซึ่งวันนั้นอาจจะเกิดขึ้นตอนนั้นก็ได้ การมีเงินเก็บ เงินออมย่อมจะสามารถทำให้สบายใจได้ขึ้นเยอะ หรือการมีเงินออม เงินเก็บก็จะทำให้คุณมีเงินมากพอที่จะไปท่องเที่ยวหรือทำในสิ่งที่คุณรักได้เช่นกัน มาอ่านกันว่า 3 สไตล์การออมเงินสุดเด็ดที่ต้องรู้นี่มันมีอะไรกันบ้าง 1.เก็บเงิน 7 หมื่นภายใน 1 ปี ในระยะเวลา 1 ปีนั้นถ้าหากเก็บเงินกันอย่างจริงจังแล้วรับรองว่าสามารถเก็บได้หลายบาทอย่างแน่นอน และถ้าหากเก็บเงินอย่างไม่หักโหมจนเกินไป ในระยะเวลา 1 ปีคุณก็สามารถเก็บเงินได้ 7 หมื่นบาท เพียงเก็บเงินตามวันอย่าง วันที่ 1 เก็บ 1 บาท , วันที่ 10 เก็บเงิน 10 บาท พอเก็บเงินวันไหนแล้วก็ขีดฆ่าวันไหนออกจากปฏิทิน แต่ว่าวิธีนี้ในช่วงปลายปีนั้นจะค่อนข้างโหดหน่อย แต่รับรองว่าจะได้เงินเก็บราวๆ 66,000 กว่าบาท ไปจนถึงเกือบ 7 หมื่นบาทได้เลยล่ะ ถ้าเพิ่มอีกสักนิดหน่อย 2.เก็บแบงค์ใหม่ๆและแบ่งไว้ 3 กองทุน อีกหนึ่งวิธีสำหรับเก็บเงินนั้นก็คือ การเลือกเก็บแบงค์ใหม่ๆที่ได้มาอย่างเช่น แบงค์พัน แบงค์ห้าร้อย แบงค์ร้อย ไปจนถึงแบงค์ยี่สิบ ไว้ หากได้รับแบงค์เหล่านั้นมาในแบบใหม่ๆสวยงาม ไม่ต้องคิดอะไรมากเพียงแค่เก็บมันไปเรื่อยๆ […]
คนรอบกายนั้นมีผลต่อชีวิตเราเป็นอย่างมาก ไม่เพียงต่อครอบครัว แต่เพื่อนร่วมงาน คนรู้จักหรือเพื่อนในแวดวงนั้นก็ต่างส่งผลกระทบต่อชีวิตเราได้ ถ้าหากอยากจะมีชีวิตที่เป็นสุขมากขึ้นต้องหันมาคบคน 5 ประเภทเหล่านี้ไว้แล้วมันจะช่วยส่งผลให้ชีวิตคุณดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกเท่าตัว คนที่จริงใจและซื่อสัตย์ ไม่มีปัญหาใดที่น่าเบื่อเท่ากับการรายล้อมไปด้วยคนที่ไม่จริงใจและขาดความซื่อสัตย์ คนเหล่านี้เป็นคนที่ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดพวกเขาจะหันหลังกลับมาทำร้ายคุณได้ ส่วนคนที่จริงใจและซื่อสัตย์นั้นหากมีอยู่ในชีวิตแล้วล้วนถือว่าเป็นของขวัญดีๆ แห่งชีวิต เพราะความจริงใจ ความซื่อสัตย์ไม่มีวันซื้อได้และหากได้รับมันมาแล้วมันก็จะคงอยู่ไปอีกนานแสนนาน คนที่จริงใจและคนที่ซื่อสัตย์จะไม่นำพาปัญหาที่ปวดใจมาให้อย่างแน่นอน คบคนแบบนี้ให้มากขึ้น รับรองจะรู้สึกว่าชีวิตโล่งมากขึ้นได้อย่างแน่นอน แถมการมีเพื่อนที่จริงใจนั้นจะทำให้คุณได้เป็นตัวของตัวเองได้ตลอดเวลาเมื่ออยู่กับพวกเขาและไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเลย ซึ่งนั้นจะทำให้คุณมีความสุขได้มากขึ้น คนที่คอยสนับสนุน บางครั้งในชีวิต กำลังใจแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีผลกระทบอันยิ่งใหญ่ได้ คบคนที่คอยรู้จักสนับสนุน เชียร์ให้คุณมีพลังในการที่จะก้าวออกไปทำสิ่งใหม่ๆหรือคอยเชียร์ให้กำลังใจคุณในวันที่คุณท้อแท้นั้นไว้ ในวันที่แย่ๆ คนเหล่านี้ก็จะสามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ อย่าคบคนประเภทที่คอยส่งต่อแต่พลังงานลบๆตลอดเวลา หันมาคบคนที่ชอบสนับสนุนส่งพลังงานบวกบ้างจะช่วยให้คุณสุขใจได้มากขึ้น คนที่เป็นผู้ฟังที่ดี คนที่เป็นผู้ฟังที่ดีคือคุณสมบัติของคนที่ควรคบไว้อย่างยิ่ง เพราะว่าคนเหล่านี้คุณจะสามารถเล่าความในใจ เล่าปัญหา เล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้พวกเขาฟังได้และพวกเขาก็ไม่ตัดสินคุณ บางครั้งพวกเขาอาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้ก็ได้ด้วย การมีใครสักคนมารับฟังในยามที่อึดอัดรุมล้อมไปด้วยปัญหา เป็นสิ่งดีๆ ที่ในชีวิตนี้ถ้ามีแล้วนั้นจะทำให้คุณมีความสุขได้ คนผู้เตือนสติและให้คำแนะนำที่ดี คบคนที่สามารถเตือนสติคุณได้และสามารถมอบคำแนะนำดีๆ ได้ คนเหล่านี้อาจจะเป็นคนที่มีประสบการณ์หลากหลายอย่าง พวกเขาอาจจะสามารถสั่งสอนในสิ่งที่คุณไม่รู้ได้ ถึงแม้บางครั้งคนประเภทนี้อาจจะทำให้คุณรำคาญได้บ้างแต่ถ้าคบไว้แล้วนั้น ต่อไปในอนาคตคนเหล่านี้นี่และจะสามารถช่วยเหลือคุณได้และมอบคำแนะนำดีๆ ที่ทำให้คุณมีความสุขกับชีวิตได้มากขึ้น คนพลังงานบวก คนรอบข้างเป็นกลุ่มคนที่ส่งพลังงานต่อเรามากที่สุด ถ้าหากคบแต่คนที่เต็มไปด้วยพลังงานลบคุณก็จะเต็มไปด้วยพลังงานลบแต่หากคุณคบคนที่มีพลังงานบวกคุณก็จะมีพลังงานบวกไปด้วย และยังมีข้อดีมากมายจากคบคนพลังงานบวกไว้ในชีวิต พวกเขาสามารถส่งต่อแรงบันดาลใจ ส่งต่อพลังงาน ส่งต่อกำลังใจให้กับคุณได้เป็นอย่างมาก เมื่อชีวิตเต็มไปด้วยพลังงานบวกคุณก็จะเต็มไปด้วยความสุขและจะสามารถใช้พลังงานบวกเหล่านั้นทำให้ชีวิตดีขึ้นได้อีกด้วย […]
สุขภาพที่ดี นั้นถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ร่างกายคือสิ่งที่ต้องดูแลให้ดี ไม่ว่าจะวัยไหนสุขภาพล้วนเป็นสิ่งสำคัญ ต่อให้มีเวลาหรือทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดนั้น ถ้าสุขภาพไม่ดี ทุกอย่างล้วนสูญเปล่าไม่ได้ใช้อย่างแน่นอน มารู้จัก 3 สิ่งที่เป็นเรื่องง่ายๆที่ทำเป็นประจำแล้วจะทำให้สุขภาพดี 1.การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกคนและทำได้ง่ายเพียงนิดเดียว เพียงนอนหลับพักผ่อน 6-8 ชั่วโมงให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองก็สามารถช่วยให้สุขภาพนั้นดีได้และห่างไกลจากปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้อีกด้วย วิธีการง่ายๆ และฟรีในการดูแลสุขภาพให้ดีนั้นก็คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การอดหลับอดนอนติดต่อกันเป็นระยะเวลานานคือภัยที่ทำลายสุขภาพได้อย่างรุนแรงเลยล่ะ อย่าละเลยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะนี่คือสิ่งที่ฟรีและทำได้ง่ายแค่นิดเดียว จัดการตัวเอง จัดการบริหารเวลาให้เรียบร้อย หาเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 2.รับประทานอาหารที่ดี รับประทานอาหารที่ดีและอย่าอดอาหารบ่อยๆ ในส่วนรับประทานอาหารที่ดีแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ถูกพร่ำสอนกันมานานแต่ก็ยากนักที่จะทำให้ได้เป็นประจำ นั้นก็คือ การรับประทานอาหารที่มีโภชนาการ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทที่มีน้ำตาลสูง ไขมันเยอะ หรือเหล่าอาหารขยะต่างๆติดต่อกันเป็นเวลานานจะดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง และเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินก็สามารถป้องกันตัวเองจาก โรคเบาหวาน และ โรคอ้วนได้อีกด้วย ส่วนการอดอาหารเป็นประจำนั้นก็เปรียบเสมือนการเปิดประตูเชิญโรคร้าย ปัญหาสุขภาพให้เข้ามา ค่ารักษาพยาบาลนั้นแพงกว่าค่าอาหารแน่นอน ลงทุนในการรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อดีกว่ามาลงทุนกับค่ารักษาพยาบาล 3.ออกกำลังกายบ้างก็ดี ออกกำลังกาย ออกไปทำกิจกรรมที่ต้องใช้ร่างกาย นั้นก็เป็นสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายนั้นมีหลากหลายประเภท เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณและหาเวลาออกไปทำกิจกรรมที่ต้องใช้ร่างกายบ้างดีกว่าอย่าง การเล่นกีฬา การเดินเร็ว การวิ่ง ออกกำลังกายนี่แหละสิ่งที่ทำได้ฟรีๆ แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่ายา 3 สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆและไม่เสียเงินเท่ากับค่ารักษาพยาบาลแน่นอน […]
การนอนดึกนั้นแน่นอนว่ามันก็มีผลเสียต่อสุขภาพแต่ถึงกระนั้นใช่ว่า การนอนดึกนั้นจะไม่มีประโยชน์เลยเสียทีเดียวและไม่ใช่เรื่องที่น่าละอายใจเสมอไปด้วย การเป็นคนนอนดึกนั้นก็มีประโยชน์ มาอ่านกันว่า 3 ประโยชน์ของการนอนดึก มีอะไรบ้าง 1.ความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย คาธอลิคในมิลานได้ทำการค้นพบว่า คนที่นอนดึกนั้น มักจะเป็นพัฒนาแนวคิดการแก้ไขปัญหาและแนวคิดที่สร้างสรรค์ได้มากกว่าคนประเภทตื่นเช้า โดยมีข้อสนับสนุนจากผู้เขียนงานวิจัยนี่ว่า เหล่าคนที่นอนดึกนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีความคิดสร้างสรรค์สูงเนื่องจาก การนอนดึกนั้นได้ทำการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาความสามารถที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่ไม่ธรรมดาได้ 2.คนนอนดึกนั้นมักจะมี IQ สูง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งแมนดริคได้เผยแพร่งานวิจัยที่นำเสนอรูปแบบพฤติกรรมการนอนหลับของวัยรุ่นนับ 1,000 คน ในงานวิจัยนั้นได้พบว่าเหล่าวัยรุ่นที่นอนดึกนั้นจะมีคะแนนสูงในด้าน IQ มากกว่าวัยรุ่นที่เป็นพวกตื่นเช้า แต่กระนั้นใน วัยรุ่นที่ตื่นเช้าจะสามารถทำเกรดในโรงเรียนได้ดีกว่าเหล่าวัยรุ่นที่นอนดึก 3.คนนอนดึกนั้นตื่นตัวและมีพลังงานสูง จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย ลีเจอร์ในเบลเยียมได้ทำการสังเกต ผู้ที่นอนดึก 15 คนและเหล่าผู้ที่ตื่นเช้า 16 คน และให้ผู้เข้าร่วมเหล่านั้นใช้ชีวิตพฤติกรรมการนอนตามปกติ โดยเหล่านักวิจัยจะทำการวัดความตื่นตัวของสมองหลังจากที่ผู้เข้าร่วมนั้นตื่นขึ้นมาครั้งแรกของวันและตรวจวัดอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 10 ชั่วโมง 5 นาทีให้หลังจากการตื่นเช้า งานวิจัยนี่พบว่า ทั้งผู้ที่นอนดึกและตื่นเช้ามีคะแนนการตื่นตัวของสมองที่ใกล้เคียงกัน แต่ในช่วงเวลา 10 ชั่วโมง 5 นาทีให้หลังกลุ่มที่เป็นคนตื่นเช้านั้นจะมีความตื่นตัวของสมองน้อยกว่ากลุ่มคนที่นอนดึก นอกจากนี้กลุ่มคนที่นอนดึกนั้นจะมีพลังงานสูงกว่าคนที่ตื่นเช้า ทำให้พวกเขาสามารถทำงานได้ยาวนานกว่าคนที่ตื่นเช้า 3 ประโยชน์จากการนอนดึกเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในทางด้านความคิด การทำงานมากกว่าด้านสุขภาพ ทางที่ดีที่สุดควรจะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงจะดีกว่า
ไม่ได้เกิดมาร่ำรวยแต่ก็สามารถร่ำรวยมั่งคั่งได้ และนี่ไม่ใช่เพียงประโยคขายฟังลอยๆ ที่ไม่มีตัวอย่างของผู้ที่ทำได้จริง ในชีวิตจริงมีผู้ประสบความสำเร็จมากมายที่เริ่มต้นจาก 0 ไม่มีต้นทุน ไม่ได้ร่ำรวย แต่พวกเขาก็สามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้ หนึ่งในนั้นคือ วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffett ) อ่านบทเรียนสุดล้ำค่าจากชายผู้ไม่มีเงินล้านสู่ผู้มีเงินนับพันล้าน ในบทความนี้คุณจะได้อ่านบทเรียนสุดล้ำค่าอย่าง มีเป้าหมายอันแน่วแน่ ความสม่ำเสมอและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ เก็บเงินก่อน ใช้ทีหลัง รักในสิ่งที่ทำ ทำงานในสิ่งที่รัก ตัดสินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง มีเป้าหมายอันแน่วแน่ ถ้าไม่มีจุดเส้นชัย ไม่มีจุดมุ่งหมาย ต่อให้วิ่งอย่างรวดเร็วเพียงใด ต่อให้พยายามเพียงใด ถ้าปราศจากสิ่งที่ต้องการ เป้าหมายอันแน่วแน่ย่อมจะไม่สามารถหาทางไปสู่สิ่งที่ต้องการได้อย่างแน่นอน วอร์เรน บัพเฟตต์ นั้นมีลักษณะนิสัยในการตั้งเป้าหมายอันแน่วแน่มาตั้งแต่ในวัยเด็ก ในขณะที่ตามประสาเด็กทั่วไป เด็กส่วนมากนั้นยังคนวิ่งเล่นสนุกสนาน ชื่นชอบเพ้อฝันถึงอนาคตแฟนตาซี สังสรรค์พูดเล่นไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ แต่ วอร์เรน นั้นไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย ตั้งแต่วัย 7 ขวบ วอร์เรน ได้เริ่มสนใจเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน ธุรกิจและการงานโดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือที่เขาอ่านในห้องสมุด หนังสือ One Thousand Ways to Make $1000 หลังจากนั้นเขาก็แน่วแน่ในการที่จะเป็นผู้ประกอบการสร้างธุรกิจและร่ำรวยให้จงได้ […]
ประเทศอินเดีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่หันมาให้ความสนใจในการส่งเสริม ความสุขของนักเรียนมากกว่า เกรดและเตรียมปรับปรุงสร้างนโยบายการศึกษารูปแบบใหม่ ที่เน้นไปทักษะที่สามารถใช้ได้จริง ปรับเปลี่ยนอาคารเรียนสภาพแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดจะให้ความสุขของนักเรียน มาก่อนการเน้นวัดเพียงแค่ เกรด Riverbend โรงเรียนประจำในประเทศอินเดีย ที่จะเปิดในปีค.ศ.2020 นั้นได้นำเสนออีกมุมมองการเปลี่ยนแปลงการศึกษาครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก หลักสูตรแบบใหม่ครั้งแรกในประเทศอินเดีย โรงเรียนประจำ Riverbend ที่จะเปิดสอนสำหรับเด็กประถมและมัธยมนั้นได้มีแผนที่จะก่อสร้างโรงเรียนและใช้หลักสูตรการเรียนแบบใหม่ในปี ค.ศ.2020 โดยหลักสูตรใหม่นี่ได้ปรับตามเทรนด์หลักสูตรของอเมริกาที่เน้น การเรียนรู้ที่เน้นเป็นบุคคล ซึ่งก็คือเหล่านักเรียนจะสามารถเลือกได้ว่าพวกเขาอยากจะเรียนวิชาอะไร อยากจะเรียนอะไร และคุณครูจะเป็นเหมือนผู้ให้บริการความรู้ช่วยเหลือเหล่านักเรียนมากกว่าสอนเป็นคาบเรียน โดยวิชาก็จะไม่ใช่วิชาทั่วไปเหมือนโรงเรียนธรรมดาแต่จะเป็นวิชาที่เน้นแก้ไขปัญหาชีวิตจริง วิชาที่สามารถนำไปใช้ได้จริง อย่าง ห้องสตูดิโอสำหรับการเต้น,ห้องเรียนสำหรับการเรียนทำอาหาร รวมไปจนถึง ห้องเรียนสำหรับบริหารธุรกิจโดยให้นักเรียนเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียนรู้ ทีมสถาปนิกที่ออกแบบพื้นที่โรงเรียนประจำ Riverbend นั้นได้ตั้งใจจะออกแบบให้พื้นที่รอบโรงเรียนให้เป็นเหมือนหมู่บ้านขนาดย่อมๆ ที่จะมีศูนย์การเรียนรู้เป็นศูนย์กลาง บริเวณรอบนอกก็จะเป็นที่พักสำหรับเหล่านักเรียนและในบริเวณนอกเขตโรงเรียนก็จะเป็นพื้นที่สำหรับทำการเกษตรให้สำหรับนักเรียนสามารถหันมาทำฟาร์มได้ หลักสูตรใหม่ของโรงเรียนแห่งนี้จะเน้นให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ได้ชอบ ได้เรียนรู้วิชาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและเน้นความสุขของนักเรียนเป็นหลัก โดยการสนับสนุนการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ปรับเปลี่ยนบทบาทของคุณครูให้เข้มงวดน้อยลงและมีการสนับสนุนนักเรียนมากขึ้น พร้อมทั้งยังจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเรียนรู้อีกด้วย โดยจุดประสงค์หลักของโรงเรียน Riverbend และหลักสูตรใหม่นั้นก็คือ ทำอย่างไรให้นักเรียนนั้นสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างมีความสุขนั้นเอง ที่มา: uk.businessinsider.com
เป็นข่าวที่น่าเศร้าใจต่อทั้งชาวโลกต่อการจากไป สตีเฟน ฮอคิง (Stephen Hawking) ในวัย 76 ปีผู้ประพันธ์หนังสือ A Brief History of Time นักฟิสิกส์วิทยา นักจักรวาลวิทยาและศาสตรจารย์ประจำมหาวิทยาแคมบริดจ์ ผู้ที่มีผลงานวิชาการ หนังสือวิทยาศาสตร์ที่เขียนถึงกับ ทฤษฏีสำคัญอย่าง ทฤษฎีบทเกี่ยวกับภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงในกรอบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ร่วมกับโรเจอร์ เพนโรส และการทำนายเชิงทฤษฎีที่ว่าหลุมดำควรปล่อยรังสี ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า รังสีฮอว์คิง และนอกจากนั้นเขายังมีบทเรียนชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจให้เราจดจำเขาอีกด้วย มาอ่าน 3 บทเรียนชีวิตแรงบันดาลใจ จาก สตีเฟน ฮอคิง กันเถอะ 1.ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง “ One of the basic rules of the universe is that nothing is perfect , perfection simply doesn’t exist. Without imperfection neither you nor I would exist.” “ กฎพื้นฐานของจักรวาลนั้นก็คือ ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ,ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริงและถ้าปราศจากความไม่สมบูรณ์แบบไม่ว่าผมหรือคุณก็จะไม่มีตัวตน.” […]