การสร้างความท้าทายให้เป็นวัฒนธรรมในองค์กรนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญเลยทีเดียว เพราะถึงแม้บริษัทคุณจะเติบโตมากแค่ไหน แต่พนักงานนั้นยังไม่เคยได้รับความท้าทายใหม่ ๆ นั่นก็จะทำให้เขารู้สึกเบื่อและเริ่มมองหางานที่อื่นแทนก็เป็นได้ จากการสำรวจของ Korn Ferry พบว่า สภาพแวดล้อมการทำงานที่หยุดนิ่ง ไม่มีอะไรแปลกใหม่นั้นเป็นเหตุผลอันดับหนึ่งที่คนเริ่มมองหางานอื่นทำ การสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกมีประโยชน์มากมายทั้งต่อธุรกิจและต่อผู้คนที่ทำงานที่นั่น การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กรเป็นเรื่องยาก แต่มันก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตและประสบความสำเร็จ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีมานานแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องยากหากคุณตั้งใจจะสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมาเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจรวมถึงพนักงานของคุณ ทำออกมาให้ดี และวางแผนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สำหรับบริษัทที่ต้องการพัฒนาความก้าวหน้าของตนเองอย่างต่อเนื่องนั้นมักจะตั้งเป้าหมายที่ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่เสมอ หนึ่งในสิ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาได้มากขึ้นคือการรับฟังและยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างนั่นเอง การนำแนวคิดแบบ Agile มาใช้ในองค์กรเป็นหนึ่งในสิ่งที่สามารถช่วยให้พนักงานพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ดีมากขึ้น เพราะจากรายงานของ PwC ได้ระบุว่าหลังจากได้ใช้แนวคิดแบบ Agile นั้น ทำให้ธุรกิจมีอัตราความสำเร็จดีขึ้นถึง 28 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว วิธีการคิดแบบ Agile เป็นสิ่งที่เหมาะกับทุกกลุ่มธุรกิจไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ โดยระบบแนวคิดนี้จะเน้นไปที่การสื่อสารกับผู้คนรอบข้างเพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น การทำความเข้าใจต่อความคิดของผู้อื่น เน้นการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานให้จบ ๆ ไป แนวคิดนี้ยังมีคำศัพท์และรูปแบบความคิดที่สามารถปรับแต่งและปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับความต้องการของทุกองค์กร และยังอนุญาตให้ทุกคนแบ่งปันความคิดเห็นได้อย่างอิสระและสนับสนุนในความคิดเห็นของซึ่งกันและกันอีกด้วย ดังนั้น การยึดติดกับสภาพที่อยู่เดิมและระบบเดิมนั้นอาจสร้างความน่าเบื่อให้กับพนักงานในองค์กรได้ ลองใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าช่วยสร้างความท้าทายให้กับพนักงานเพื่อสร้างแรงผลักดันในการทำงานและสร้างความเติบโตให้กับพนักงานของคุณ แถมผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะทำให้พวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลงานของบริษัทก็จะก้าวหน้ามากขึ้นไปอีกด้วย อัพเดทข่าวสารอยู่เสมอ ทุกคนในทีมควรอัพเดทข่าวสารในอุตสาหกรรมที่พวกเขากำลังทำงานอยู่ เพราะหากทีมของคุณกำลังท้าทายตัวเองเพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการเติบโต […]
กว่า 77% ของประชากร มักพบกับปัญหาสุขภาพที่มาจากการมีความเครียดเป็นประจำ ความเครียดเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ นั่นคือ ปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องงาน การหย่าร้าง ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ การย้ายบ้าน เป็นต้น ปัจจัยภายใน โดยที่บางคนมีนิสัยคิดมาก ชอบวิตกกังวลในเรื่องเล็กน้อย หรือสารเคมีในสมองไม่สมดุลทำให้เกิดอารมณ์เครียดและเศร้าง่าย ความเครียดเป็นการเปิดโอกาสให้ปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมาก เช่น ขาดสมาธิ เป็นหวัดบ่อยครั้ง มีอาการประหม่า คลื่นไส้ กระบวนการคิดถดถอย ปวดเมื่อยตัวแบบไม่มีสาเหตุ สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นผลข้างเคียงแค่ไม่กี่อย่างของอาการเครียด แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีความเครียดมากเกินไป มันอาจส่งผลให้คุณเผชิญกับภาวะสุขภาพที่รุนแรง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน และ โรคหัวใจ เคล็ดลับขจัดความเครียดง่าย ๆ มีวิธีการมากมายที่ช่วยลดความเครียดและจัดการกับความเครียด นอกจากปฏิบัติตามหลักสุขศึกษา คือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังและนอนหลับให้เพียงพอแล้ว ยังมีวิธีการดังนี้ 1.ทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกสนุกเพลิดเพลินและผ่อนคลาย 2.ระบายอารมณ์ออกมาบ้าง เช่น พูดคุยถึงความรู้สึกกับเพื่อนหรือคนใกล้ชิด 3.ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ […]
“หากคุณอยากทำอะไรให้เป็นที่รู้จัก ให้คุณถามผู้ชาย แต่หากคุณอยากทำอะไรให้สำเร็จ ให้คุณถามผู้หญิง” – มาร์กาเรต แทชเชอร์ (MARGARET THATCHER) จากบทสัมภาษณ์ของ The Strong Women’ s Club ที่จะสัมภาษณ์ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักกีฬา นักบินอวกาศและผู้ประกอบการ ผู้หญิงแต่ละคนมีประสบการณ์การที่ต่างกันออกไป แต่ที่น่าแปลกใจคือลักษณะนิสัยที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จมีความคล้ายกันอยู่ และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของอุปนิสัยที่คล้ายกันของเหล่าผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ 1. พัฒนาจุดแข็งที่มีอยู่ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะเลือกเส้นทางการทำงานโดยคำนึงถึงสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีเป็นอันดับแรก และรองลงมาจึงทำสิ่งที่พวกเขารัก 2. มีความทะเยอทะยานสูง ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ฝันจะเป็นแค่ที่สุดของแผนกหรือหน่วยงาน แต่พวกเขาตั้งเป้าหมายที่จะเป็นที่สุดขององค์กรหรือระดับประเทศ 3. เป็นนักจัดการตัวยง “คนส่วนใหญ่ที่ฉันได้สัมภาษณ์มานั้น มักตอบตกลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะเช็กปฏิทินของตัวเอง จองวันเวลา และเข้าสัมภาษณ์ โดยสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำแต่ละอย่างนั้นพวกเขาจะทำอย่างเป็นลำดับขั้นตอน” Edie กล่าว 4. เรียนรู้อยู่เสมอ ผู้หญิงเหล่านี้มักจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีที่ปรึกษาหรือโค้ชเพื่อช่วยเร่งการพัฒนาของพวกเขาให้เร็วขึ้นด้วย 5. มีคู่คิดและผู้คอยสนับสนุน “ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ฉันเคยคุยด้วยนั้น มักมีคู่คิดหรือสมาชิกในครอบครัวที่คอยช่วยสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาทำอยู่” Edie กล่าว 6. พวกเขารู้ว่าความล้มเหลวกับความสำเร็จเป็นของคู่กัน ทุกๆ คนล้วนต่างเคยประสบกับความล้มเหลวก่อนที่จะก้าวไปถึงเป้าหมายหรือความสำเร็จกันทั้งนั้น 7. […]
ทุก ๆ การกระทำมีผลตามมาเสมอ แม้ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม ในบางครั้งการกระทำอาจจะส่งผลในแง่บวกมากกว่าในแง่ลบ แต่บางครั้งผลการกระทำก็มาในรูปแบบของการลงโทษ ผลสะท้อนของความสะเพร่า ไม่ใส่ใจ ไม่รอบคอบเท่าที่ควร ผู้เขียนบทความนี้ ” ริชาร์ด มัค (Richard Mach)” ได้พบเจอปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ที่ไม่มั่นคงมามากในอดีต และต้องขอบคุณตัวเองเป็นอย่างมากที่ผ่านพ้นมันมาได้ และเขาได้แบ่งปันคุณสมบัติ 3 ประการที่จะช่วยให้ตัวเองอดทนพยายาม เมื่อต้องเผชิญความเหนื่อยล้า คุณสมบัติดี ๆ เหล่านี้ช่วยให้เขาผ่านพ้นวันแย่ ๆ และต่อสู้ต่อไปแม้เส้นทางนั้นอาจจะมีขวากหนามรออยู่ข้างหน้า 1.ความอดทน จดอดทนให้มาก ความอดทนคือคุณธรรมอย่างหนึ่ง มันไม่เพียงแต่เป็นคุณธรรมเท่านั้น แต่มันคือคุณสมบัติที่พึงมี โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต การแสดงให้เห็นถึงความอดทนนั้นอาจเป็นความแตกต่างระหว่างการถูกจับกลางพายุหรือการหาที่หลบภัยและการอดทนจนกว่าพายุจะพัดผ่าน ถ้าหากคุณได้ลงมือทำทุก ๆ อย่างดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้แล้วละก็ สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องทำคือเชื่อสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและรออย่างอดทนเมื่อโลกหมุนรอบตัวคุณ อย่ารีบตัดสินใจ ปล่อยให้สถานการณ์มันเป็นไป เมื่อโอกาสให้คุณคว้าช่วงเวลานั้นไว้! 2. เวลา เดินไปพร้อมความอดทน ความอดทนและเวลาเป็นของคู่กัน หากอดทนได้นาน โอกาสก็จะมาถึงในที่สุด เมื่อมีโอกาสเกิดขึ้นมันเป็นความรับผิดชอบของคุณแต่เพียงผู้เดียวในการรับรู้และใช้ประโยชน์จากมัน นั่นคือเมื่อเวลากลายเป็นทุกอย่างอย่างแท้จริง คนเราในฐานะมนุษย์ ควรที่จะฝึกฝนคุณสมบัตินี้ไว้อยู่เสมอ เวลาส่งผลถึงทุกแง่มุมของชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ สุขภาพ การทำงาน การเงิน […]
สิ่งที่เราสามารถสร้างสรรค์ขึ้นในยามว่างมักจะนำไปสู่ความสำเร็จในอาชีพได้และพนันได้เลยว่าคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างได้อย่างเกิดประโยชน์มากกว่าการนั่งพักบนโซฟาหรือนอนดูหนังเฉย ๆ แน่นอน เราลองสังเกตตัวเอง ว่าเราใช้เวลาว่างไปกับอะไรบ้าง? และลองหากิจกรรมสร้างสรรค์ทำแทนดูสิ 1. ทำงานอดิเรก เคยสังเกตไหมว่า ผู้คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เขาเหมาะจะมีชีวิตนอกเหนือจากการทำงานที่น่าสนใจมากกว่าการไม่ทำอะไรเลย ส่วนหนึ่งมันมาจากกิจกรรมยามว่างที่พวกเขาเลือกทำงานอดิเรกเป็นทางเลือกที่ดีในการคลายความเครียดและเป็นแหล่งของความคิดสร้างสรรค์ เพราะพวกเขาให้ผ่อนคลายกับกิจกรรมที่ได้ทำและมีความสุขไปกับมัน 2. หาความรู้ใหม่ ๆ เสมอ ความสำเร็จมักจะมีที่มาจากความรักในการเรียนรู้ หากต้องการอยากจะสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ ให้ลองแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ บางคนชอบเรียนด้วยตัวเอง ส่วนบางคนก็ชอบการเรียนรู้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ พวกเขาจะได้ใช้ความรู้นั้นในการประกอบอาชีพมากขึ้น 3. ทำงานอาสาสมัคร ลองหาโอกาสเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส หรือผู้ประสบภัยต่าง ๆ การช่วยเหลือผู้คนช่วยให้เราคิดถึงเรื่องปัญหาอื่น ๆ นอกเหนือจากงาน และทำให้พบแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ มันเป็นวิธีที่ทำให้เรารู้จักตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และผ่อนคลายความเครียดจากงานของตัวเองลงได้ 4. ใช้เวลากับครอบครัวให้มาก พักจากงานทั้งหลายทั้งปวงและลองหันมาใส่ใจคนที่เรารักที่สุด ครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้ลองหยุดคิดเรื่องงานและอยู่กับบรรยากาศภายในบ้าน คนที่มีความสุข และ คนที่ประสบความสำเร็จจะเข้าใจดีว่าการพักผ่อนโดยใช้เวลาอยู่กับคนรัก จะช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายในระหว่างเส้นทางสู่ความสำเร็จได้
การเพิ่มความหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจในที่ทำงานไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรทำ แต่มันยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้ามากขึ้นอีกด้วย เพราะการที่พนักงานของคุณมีทักษะความสามารถหลากหลายและยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี จะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นหมายความว่าผลงานของบริษัทคุณก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน การเป็นนายจ้างที่ดีนั้นไม่ใช่แค่การทำให้พนักงานของคุณทำงานออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่านั้น แต่การช่วยส่งเสริมให้พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช่ เจอความหลากหลายมากขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุข รวมไปถึงช่วยจุดประกายพวกเขาให้ค้นพบสิ่งใหม่อยู่เสมอ นั่นแหละที่เป็นสิ่งที่นายจ้างควรทำ และนี่คือ 3 วิธีเพิ่มความหลากหลายให้กับธุรกิจรวมไปถึงพนักงานของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. ยิ่งมีผู้คนหลากหลาย ยิ่งช่วยสร้างสรรค์นวัตกรรม ถ้าหากว่าทีมของคุณมาจากกลุ่มชาติพันธุ์หรือภูมิหลังที่แตกต่างกัน พวกเขาจะมีประสบการณ์ในชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยในการตัดสินใจหรือการแก้ไขปัญหา เพราะว่าประสบการณ์ที่พวกเขามี จะช่วยเสนอความคิดเห็นในแง่ต่างๆ ให้คุณได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกันจนทำให้คุณสามารถมองเห็นแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้มากขึ้น จากบทความของ Harvard Business Review พบว่า ยิ่งบริษัทไหนที่มีความหลากหลายจากบุคลากรในองค์กรรวมถึงสภาพแวดล้อม นั่นจะทำให้บริษัทของพวกเขาสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดีมากกว่าคู่แข่งรายอื่น 2. เพิ่มความหลากหลายในสถานที่ทำงาน เพิ่มความสุขให้พนักงาน เพราะการทำงานแบบเดิมและสภาพแวดล้อมรูปแบบเดิม ๆ จะยิ่งทำให้พนักงานของคุณรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่ได้ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม ถ้าหากว่าสถานที่ทำงานของคุณมีความหลากหลายและครอบคลุมผู้คนในทุกรูปแบบให้รู้สึกสนใจจนอยากเข้ามาร่วมทำงานด้วย นั่นจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความตั้งใจในการทำงานมากขึ้นอีก เพราะจากผลสำรวจของ Glass door พบว่า 2 ใน 3 ของผู้สมัครตัดสินใจเลือกงานที่มีสถานที่ทำงานที่ดูหลากหลายไม่ซ้ำซากจนกลายเป็นที่น่าสนใจมากกว่าที่อื่น อย่างไรก็ตาม ผู้นำบริษัทควรระบุให้พนักงานได้รับรู้วัฒนธรรมภายในด้วยก่อนเกิดการจ้างงาน […]
4 วิธี สร้างความมั่นใจให้ตนเอง ในบางครั้งแม้แต่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จก็ยังขาดความมั่นใจ ความมั่นใจคือความเชื่อที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของเราและเราต้องพยายามรักษาระดับความเชื่อนั้นไว้ จะต้องเรียนรู้ฝึกฝนและเชี่ยวชาญเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ แต่เมื่อคุณเชี่ยวชาญมันคุณจะถูกเปลี่ยนให้ดีขึ้น และนี่คือ 4 วิธีที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณมีความมั่นใจในตนเอง มีดังนี้ 1.วางตัวให้เหมาะสม ภาษากายของคุณสามารถแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองได้ทันทีคุณควรทำตัวให้เหมือนกับว่าคุณพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ถ้าคุณแสดงกิริยาท่าทางที่บ่งบอกถึงความมั่นใจและไม่รู้สึกว่าคุณอยู่ใต้การบังคับบัญชาของใคร ทำให้คนอื่น ๆ ก็จะมีความเชื่อมั่นในตัวคุณ เมื่อคุณมีบุคลิกภาพที่ดีแล้ว 2. แต่งกายให้เหมาะสม เสื้อผ้าและเครื่องประดับก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันอย่ากลัวที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณผ่านเครื่องประดับทั้งหลายเครื่องประดับที่ดูโดดเด่นหรือเนกไทสีสันฉูดฉาดอาจเป็นสิ่งช่วยให้การเริ่มสนทนากับผู้อื่นง่ายขึ้นก็เป็นได้ 3.พูดจาอย่างมั่นใจฉะฉาน หากคุณมีโอกาสได้ฟังพิธีกรคนโปรดของคุณกำลังพูด ลองสังเกตวิธีการที่เขาหรือเธอใช้ในการพูด ผู้พูดที่ดีต้องพูดด้วยความมั่นใจ มั่นคง ด้วยโทนเสียงที่เป็นจังหวะลองนำวิธีการพูดที่ฉะฉาน แต่ไม่แข็งกร้าวมาปรับใช้กับตัวเองคุณจะรู้สึกว่าความมั่นใจของคุณมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงการพูดเสียงสูง พูดเสียงสั่นกระตุกกระตัก หรือการพูดพึมพำเบาๆ ยิ่งคุณพูดอย่างมั่นใจ ผู้คนก็จะหันมาสนใจฟังคุณมากขึ้น 4.เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ วางแผนล่วงหน้ามีข้อดีที่จะช่วยลดข้อผิดพลาดให้น้อยลงได้ ยิ่งเตรียมตัวไว้ดีขนาดไหน คุณก็จะยิ่งรู้สึกมั่นใจในความสามารถและศักยภาพของคุณ การเตรียมตัวจะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้พยายามเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับงานที่คุณทำ โดยก่อนเริ่มทำงานใด ๆ ก็ตาม คุณควรจินตนาการ ว่าคุณจะรู้สึกยังไงบ้างเมื่องานนั้นสำเร็จออกมา คุณควรแบ่งงานออกมาเป็นส่วน ๆ พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของงาน แล้วค่อย ๆ ลงมือทำ
ทุกวันนี้คอนเทนต์ในการตลาดเป็นที่นิยมในเกือบทุกบริษัท เพราะการลงคอนเทนต์นั้นเป็น 1 ในกลยุทธ์ที่ส่งผลดีมากในยุคดิจิทัล สามารถเห็นได้ชัดในปี 2561 ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มลงทุนกับ Content Marketing มากขึ้นถึง 53% แตกต่างจากในปี 2559 ที่มีเพียง 39% เท่านั้น ในการทำงานแบบนี้ แน่นอนว่าเราต้องการทักษะที่หลากหลาย เพราะบริษัทส่วนใหญ่มักต้องการผลงานที่แปลกใหม่และทันสมัยเสมอ ด้วยเหตุนี้ทีมทำ Content จึงต้องเตรียมพร้อมด้วยทักษะที่จำเป็นเพื่อให้การทำงานออกมาได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และนี่คือ 3 ทักษะที่หากว่าคุณมีในตัว รับรองได้ว่าทุกบริษัทต้องการตัวคุณอย่างแน่นอน 1. เรียนรู้พัฒนากลยุทธ์ให้โดดเด่น 61% ของผู้เชี่ยวชาญพบว่า การหาคนที่มีความสามารถเชิงกลยุทธ์สำหรับทำคอนเทนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทายในด้านการทำคอนเทนต์ หากทีมทำคอนเทนต์ในองค์กรใดมีทักษะในการสร้างและพัฒนาคอนเทนต์ไม่เพียงพอ นั่นจะส่งผลให้ผลงานที่พวกเขาสร้างสรรค์นั้นมีคุณภาพน้อยกว่าที่ควร การสร้างคอนเทนต์ไม่ใช่งานง่าย เพราะจะต้องคำนึงถึงทั้งกลุ่มลูกค้า สิ่งที่คุณต้องการโปรโมท รวมไปถึงเทรนด์ต่าง ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้นด้วย และท่ามกลางอัตราการแข่งขันการเรียกความสนใจจากลูกค้าที่สูงขึ้นทุกปี ทีมนักทำคอนเทนต์ควรต้องมีกลยุทธ์ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งจากบริษัทอื่น ๆ เพราะฉะนั้น ทีมงานด้านคอนเทนต์จำเป็นต้องมีคนที่มีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เช่น มีความยืดหยุ่น มีชั้นเชิง และมีทักษะในการจัดการและประสานงาน เพราะว่าการจะพัฒนาให้กลยุทธ์ให้มีความก้าวหน้าและโดดเด่นนั้น มักจะเกี่ยวข้องกับหลายทีมด้วยกัน หากคุณมีความสามารถและทักษะในการทำงานร่วมกับทีมอื่นและมีความยืดหยุ่นสูง จะยิ่งทำให้คุณได้เปรียบและทำให้งานขององค์กรคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2. […]
ถ้าคุณหรือเพื่อนร่วมงาน ชอบผัดวันประกันพรุ่งจนเป็นนิสัย ทำให้งานไม่มีทางเสร็จได้เลย ถ้าไฟไม่ไหม้จริง ๆ คุณไม่มีทางทำงานเสร็จตรงเวลาได้ตลอด หากคุณไม่หัดเริ่มทำให้ตรงเวลาก่อน หรือยิ่งผัดวันประกันพรุ่งนี้บ่อยขึ้นเท่าไหร่ ผลกระทบที่ตามมาก็จะยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ได้ โชคดีที่นี่เป็นอาการที่สามารถรักษาให้หายขาดได้หากคุณมุ่งมั่นปรับเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งรางวัลให้ตัวเองเมื่อทำงานสำเร็จ คุณจะรู้สึกสนุกกับการตั้งหน้าตั้งตารอรางวัลมากกว่าการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะมุ่งมั่นกับการวางแผนทำงาน ลองเปลี่ยนเป็นวางแผนไปเที่ยว หรือไปดูการแข่งกีฬาสักเกมหลังเสร็จงาน การให้รางวัลสำหรับทุกความสำเร็จเล็ก ๆ แก่ตัวเราเองนั้น เป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะรอให้รางวัลสำหรับเรื่องที่ใหญ่กว่าเพียงคราวเดียว พยายามจัดตารางงานและจัดลำดับความสำคัญทุกวัน เรื่องที่แย่ที่สุดของการผัดวันประกันพรุ่งเกิดขึ้นเมื่อคุณลืมทำเรื่องที่สำคัญ หรือไปทำงานที่ไม่ได้รับมอบหมาย การทำลิสต์งานที่คุณต้องทำจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้จักจัดลำดับ และจัดทำตารางเวลาสำหรับงานที่ต้องทำมากขึ้น ผู้คนส่วนมากมักจะรู้สึกพอใจเมื่อได้ขีดฆ่ารายการสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้ว จัดลำดับให้ “งานหินที่สุด” เป็นอันดับแรกของงานที่ต้องทำ จัดการกับสิ่งที่ท้าทายที่สุดในขณะที่คุณยังมีพลังงานมากที่สุด จะดีกว่าจัดการกับปัญหาเล็ก ๆ ก่อน ถ้าคุณทำงานสำคัญ ๆ เสร็จได้ไว คุณจะมีแรงกระตุ้นให้ทำสิ่งที่เหลืออยู่ได้ทั้งวัน แล้วคุณจะพบว่า คุณไม่เหนื่อยเลยหากทำสิ่งที่ไม่ต้องใช้ความคิด ล็อกตารางเวลาสำหรับงานสำคัญ ในโลกธุรกิจนั้นบางอย่างก็เกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ได้คาดคิด และต้องจัดการอย่างรวดเร็ว การให้ผู้ช่วยหรือคนอื่นมาจัดตารางงานงานประชุมหรืองานต่าง ๆ ให้คุณละก็ นั่นจะทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะผัดวันประกันพรุ่งและล้มเหลวในการทำงานมากขึ้น ดังนั้น จงทำงานแบบ “Proactive” หรือการทำงานเชิงรุก มากกว่า “Reactive” […]
วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ (Walter Elias Disney) เป็นผู้สร้างผลงานการ์ตูนที่แพร่หลาย และประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ และสร้างภาพยนตร์การ์ตูนสีเป็นคนแรก เริ่มทำการ์ตูน มิกกี้เมาส์ (Mickey Mouse) โดนัลด์ดั๊ก (Donald Duck) และภาพยนตร์เรื่องยาว เช่น สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด (Snow White and the Seven Dwarfs) , แฟนตาเซีย (Fantasia) , พินอคคิโอ (Pinocchio) และ แบมบี้ (Bambi) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังการ์ตูนต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการสร้างจำนวนมาก ดิสนีย์จึงเริ่มทำภาพยนตร์เกี่ยวกับการผจญภัยที่เป็นจริง เช่น เดอะ ลิวิง เดสเสิร์ท (The Living Desert) นอกจากนี้ยังได้สร้างสวนสนุกสองแห่ง และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 59 รางวัล โดยได้รับรางวัลออสการ์ถึง 26 รางวัล […]