ทิม คุก (Tim Cook) คือผู้บริหารที่มารับไม้ต่อจาก สตีฟ จ็อบ (Steve Jobs) ในการเป็นผู้บริหารดูแลกิจการคนปัจจุบันของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple มาอ่านว่าเขามีบทเรียนใดๆ บ้างในการเป็นผู้นำของบริษัท Apple ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากเขา 1.รู้จักใส่ใจและฟังอย่างตั้งใจ ทิม คุกนั้นเป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากสตีฟ จ็อบ นั้นก็คือ ทิม คุก นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบและเก็บตัวในขณะที่ สตีฟ จ็อบ จะเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผยมากกว่า ทิม คุก จะตั้งใจฟังอยู่เสมอ เขาใส่ใจและฟังผู้คนรอบข้างเขาอย่างตั้งใจ ซึ่งการรับฟังผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในตำแหน่งผู้นำที่ต้องบริหารผู้คนเป็นจำนวนมากและควรจะฟังอย่างตั้งใจเพื่อที่จะสามารถได้รับข้อมูลข่าวสารหรือมุมมองความคิดเห็นใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาธุรกิจหรือบริษัทของคุณได้ อีกอย่างหนึ่งการรับฟังเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องนั้นยังถือว่าเป็นการเคารพพวกเขาซึ่งทำให้ได้ความนับถือจากพวกเขาได้อีกด้วย 2.รู้จักถ่อมตน “ การถ่อมตนนั้นจะทำให้คุณได้รับความเคารพจากพนักงานของคุณและการถ่อมตนนั้นคือลักษณะนิสัยสำคัญที่จำเป็นต้องการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม.” ทิม คุกได้แสดงความเห็นว่า การถ่อมตนนั้นเป็นลักษณะนิสัยอันสำคัญที่จะช่วยให้คนสามารถกลายเป็นผู้นำที่ดีได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้บริหารของ Apple แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าเขาเคยเริ่มต้นจากจุดไหน บางครั้งเขาก็มักจะหาเวลาว่างไปพบปะพนักงานตามร้านบริการ Apple หรือพูดคุยกับลูกค้า Apple โดยตรงแทนที่จะคุยผ่านอีเมล 3.ทำสิ่งที่คุณทำอยู่ให้ดี Apple เป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่อย่างแต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลับกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลและขายได้ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Macbook สองอุปกรณ์นี้เป็นที่ขายดีและมีผู้ใช้งานแทบทั่วทั้งโลก ทิม คุก เชื่อว่าการใส่ใจต่อการสร้างผลิตภัณฑ์ […]
ในช่วงระยะเวลางานหนังสือแต่ละปี ช่วงเมษายนนี้ แน่นอนว่าต้องอยากจะไปซื้อหนังสือเล่มใหม่ๆ กันมาอ่านอย่างแน่นอน แต่ปัญหาที่หลายคนประสบนั้นก็คือ หนังสือที่เคยซื้อมาครั้งก่อนๆ นั้นยังอ่านไม่หมดเลย ทำอย่างไรดีถึงจะอ่านหนังสือเก่าให้หมดและอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิมได้ มาอ่าน 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณอ่านหนังสือให้ได้มากกว่าเดิมกันเถอะ 1.นำหนังสือที่อยากอ่านติดตัวไปด้วยทุกที่ ในแต่ละวันย่อมจะมีช่วงเวลาว่างอยู่แน่นอน เมื่อเดินทางออกไปข้างนอกลองพกพาหนังสือที่อยากจะอ่านไปกับตัวคุณด้วยสิ บางครั้งระหว่างเดินทางหรือรอรถประจำทาง, รอเพื่อน ไม่รู้จะทำอะไรดีนอกจากหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นก็ลองเปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือที่ติดตัวมาอ่านดู อ่านทีละเล็กทีละน้อยก็ยังดี 2.หาเวลาอ่านหนังสือประจำตัว ถ้าอยากอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิมคุณควรจะหาเวลาอ่านหนังสือประจำตัวคุณเอง มันอาจจะเป็นช่วงเวลาก่อนเข้านอนสัก 30 นาทีหรือในระหว่างช่วงบ่ายของวันสัก 1 ชั่วโมงก็ได้ หาเวลาอ่านหนังสือที่เหมาะกับตัวของคุณและอ่านหนังสือยึดตามระยะเวลาเหล่านั้นจนกลายเป็นนิสัย เมื่อกลายเป็นนิสัยคุณก็จะสามารถอ่านหนังสือได้มากขึ้น 3.ให้ลำดับความสำคัญของการอ่านมากขึ้น ถ้าอยากอ่านหนังสือให้ได้มากกว่าเดิม ก็ต้องให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น บางครั้งคุณอาจจะต้องเสียสละเวลาในการทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อมาให้เวลากับการอ่านหนังสือมากขึ้น 4.กำหนดว่า วันนี้จะอ่านกี่หน้า ถ้าตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือรวดเดียวให้จบเลยนั้นอาจจะเป็นเป้าหมายที่ต้องใช้ความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากและในช่วงแรกนั้นอาจจะเป็นเป้าหมายที่ยากไปเสียหน่อย ลองมาเปลี่ยนเป้าหมายจากแค่วันนี้จะอ่านหนังสือเป็น วันนี้จะอ่านหนังสือเล่มนี้กี่หน้าจะช่วยทำให้คุณอยากอ่านหนังสือได้มากกว่า เช่นวันนี้อ่านหนังสือ 30 หน้าจะทำได้ง่ายกว่าการตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือ 1 เล่ม 5.จัดลิสหนังสือที่อยากจะอ่าน หากคุณเป็นคนที่ซื้อหนังสือมาหลายเล่มแต่ไม่มีเวลาจะอ่านแต่ก็ไม่อยากจะอ่านเพียงเล่มใดเล่มหนึ่ง อยากอ่านทุกเล่ม การจัดลิสหนังสือที่จะอ่านในแต่ละวันจะช่วยให้คุณสามารถอ่านหนังสือที่อยากอ่านได้หลายเล่มอย่างแน่นอน นำ 5 เทคนิคไปใช้รับรองว่าคุณจะสามารถอ่านหนังสือได้มากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน
หากคุณกำลังตั้งใจจะเป็นผู้ประกอบการหรือเริ่มต้นทำธุรกิจล่ะก็ คุณต้องเรียนรู้ความผิดพลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องพบเจอ อ่าน 5 ความผิดพลาดที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักทำพลาดไว้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ผิดพลาดและเรียนรู้ได้จากความผิดพลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่ 1.ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน ความผิดพลาดที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักจะทำพลาดกันก็คือ การไม่ตั้งเป้าหมายหวังแค่ว่าจะทำมันไปเรื่อยๆ ความผิดพลาดนี้ก็คือเมื่อคุณไม่มีเป้าหมายคุณก็จะไม่รู้ว่าคุณจะทำอะไรต่อไป ทำให้ท้ายที่สุดแล้วคุณจะจบลงที่การไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเลย เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ควรจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเสมอ เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะสามารถลงมือวางแผนเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นได้ง่ายขึ้นและจะช่วยลดปัญหา “ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี.” หากคุณมีไอเดียอันยิ่งใหญ่แล้วก็ลองตั้งเป้าหมายไปทีละขั้นทีละขั้นดูสิ มันจะช่วยคุณได้แน่นอนในช่วงเริ่มต้น 2.ตั้งใจจะทำเพื่อเงินอย่างเดียว ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของการเป็นผู้ประกอบการนั้นก็คือ การมุ่งหวังที่จะหาเงินอย่างเดียว แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากจะได้เงินแต่ถ้าหากไม่ทำในสิ่งที่รัก ไม่วิ่งตามความฝันเพื่อไล่ตามเงินเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะได้เงินมากมายแค่ไหนสักวันหนึ่งคุณจะเหนื่อยกับมันอย่างมหาศาลและมีโอกาสที่จะล้มเหลวสูงเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นหากเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ควรจะทำธุรกิจจากสิ่งที่คุณรักและสนใจอยากจะทุ่มเทเพื่อมันเพียงจริงๆ เพราะถ้าหากจะหวังผลกำไรให้ได้เงินละก็ คุณจะท้อแท้และเหนื่อยกับมันเป็นอย่างมาก เผลอๆคุณอาจจะเสียเงินลงทุนไปฟรี เพราะท้ายที่สุดการทำเพื่อเงินไม่ทำในสิ่งที่รักอาจจะไม่ได้กำไรอย่างที่หวัง 3.พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โลกทุกวันนี้การเป็นผู้ประกอบการนั้นคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอไปแล้ว คุณสามารถหาจ้างฟรีแลนซ์, ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ, จ้างคนทำงานภาระบางอย่างแทนตัวคุณได้เสมอ การพยายามจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้ธุรกิจคุณรอดได้ เพราะฉะนั้นเมื่อธุรกิจเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แบ่งภาระงานของคุณให้คนอื่นทำหรือหาจ้างคนมาช่วยทำงานแบ่งเบาภาระของคุณ แต่แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นคุณอาจจะต้องหาทางทำธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่างด้วยตัวเองให้ได้เสียก่อนแต่หลังจากนั้นคุณควรจะหาคนมาช่วย มิเช่นนั้นคุณจะไม่มีเวลาได้ใช้เงินจากรายได้ที่คุณทำได้อย่างแน่นอน 4.ไม่วางแผนการตลาด ความผิดพลาดที่จะทำให้ธุรกิจใดๆ ล้มเหลวนั้นก็คือ การละเลยการวางแผนการตลาด ไม่ว่าสินค้าคุณจะดีเท่าใดในช่วงเริ่มต้นนั้นมันยากยิ่งที่คุณจะสามารถสร้างชื่อให้สินค้าหรือให้ธุรกิจของคุณได้ ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักจะละเลยถึงการวางแผนการตลาดและการไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ยิ่งโดยเฉพาะทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียที่ใครๆ ก็เป็นผู้ประกอบการกันหมด การจะขายสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณนั้นก็จะยากขึ้นไปอีกหากไม่วางแผนการตลาดให้ดีพอ เพราะฉะนั้นให้ความสำคัญกับการวางแผนการตลาดมากขึ้นแล้วมันจะช่วยคุณได้อย่างมหาศาล 5. หวังให้ประสบความสำเร็จทันที แน่นอนว่าหากเป็นผู้ประกอบการแล้วนั้นใครๆ ก็หวังอยากจะให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วแต่ว่าไม่มีสิ่งใดที่คุ้มค่าได้มาง่ายๆ ความผิดพลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่นั้นก็คือ พวกเขาจะคาดหวังให้สิ่งที่พวกเขาทำนั้นประสบความสำเร็จโดยทันที นั้นเป็นความผิดพลาดที่จะทำให้คุณผิดหวังและท้อแท้เป็นอย่างมาก […]