เมื่อทุกคนเริ่มต้นที่จะสร้างอาณาจักรของตัวเองแต่กลับกลายเป็นว่าสร้างกรงขังให้ตัวเอง รู้สึกเหมือนเป็นนักโทษที่ติดอยู่ในระบบของธุรกิจ พยายามหาความอิสระ ทำให้คิดว่ากำลังพยายามสร้างอะไรอยู่ ? โดยความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของการทำธุรกิจคือการกักขังตัวเองไว้กับธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่มันมีวิธีต่าง ๆ มากมายที่สามารถช่วยให้เราเป็นอิสระจากมันได้ 1. Keep the end in mind. (กำหนดจุดสิ้นสุด) ก่อนที่เราจะเริ่มต้นทำทุกสิ่งทุกอย่างก่อนนั้น เราควรจะคาดการล่วงหน้าไว้เลยว่าตอนจบจะเป็นเช่นไร เหมือนกับการเดินทาง โดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ที่ต่อให้เราจะเปิดโทรศัพท์ดูแผนที่เพื่อนำทางเราไปยังจุดหมายได้สำเร็จ แต่เราไม่มีจุดมุ่งหมายเราก็จะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปทางใด ก็เหมือนกับการทำธุรกิจ หากไม่มีจุดกำหนดอย่างชัดเชนคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าควรจะจับจุดไหนก่อน ซึ่งหากคุณต้องการเวลาต้องการอิสระแต่คุณยังเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยกัน คุณก็จะหมดโอกาสในการทำบางสิ่งบางอย่างไปเลยเพราะฉะนั้นคุณต้องกำหนดเส้นทาง และจุดสิ้นสุดของธุรกิจเพื่อจะทำธุรกิจได้อย่างมีอิสระมากขึ้น 2. Have the right people. เลือกคนให้เป็น ลงทุนกับคนที่สามารถทำให้คุณมีอิสระจากธุรกิจได้โดยพนักงานทุกคนจำเป็นต้องเข้าใจทุกกระบวนการของการทำงาน เพราะถ้าหากพนักงานเข้าใจกระบวกการของการทำงานและสามารถปรับตัวได้กับงานที่ทำ พวกเขาก็จะมีกระบวนการในการตัดสินใจที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพทำให้เรามีอิสระมากขึ้นในการทำงาน และยังสามารถแบ่งบันประสบการณ์ต่อไปได้อีก ซึ่งจะทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร เพราะฉะนั้นการสร้างความสามัคคี วัฒนธรรมที่ดี เป็นที่รักของพนักงานแล้ว คุณก็จะมีอิสระมากขึ้น 3. Build the right systems. สร้างระบบงานที่ดี ถ้าหากว่าระบบโครงสร้างของงานไม่ดีจะทำให้บริษัทของคุณมีอุปสรรค์มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากธุรกิจเล็ก ๆ หากคุณต้องการจะมีชีวิต คุณต้องการความเป็นระบบระเบียบ […]
เมื่อผู้นำที่ดีสร้างผลลัพธ์ที่แย่ !! จริยธรรมของผู้นำนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ ผู้นำที่ไร้จรรยาบรรณสามารถสร้างความเสียหายกับความสำเร็จในระยะยาวของตนเองได้รวมไปถึงผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่การศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัย Baylor University demonstrates กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ เมื่อผู้นำที่ดีนั้นไม่สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่เป็นด้านลบได้เหมือนกัน การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ การศึกษาได้แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท ซึ่งแต่ละพาร์ทก็มีนัยที่น่าสนใจว่าการมีผู้นำที่มีจริยธรรมนั้นส่งผลต่อความพึงพอใจและการทำงานของลูกจ้างอย่างไร Study 1 จากการสำรวจพนักงานลูกจ้างและเพื่อนร่วมงานจำนวน 310 คน พบว่าพวกเขามีจรรยาบรรณและจริยธรรมมากกว่าเพื่อนร่วมงาน และมันทำให้พวกเขารู้จักข่มอารมณ์ขุ่นเคืองต่อพวกเขา ยิ่งพวกเขาใจดีกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ทำให้ตัวพวกเขาเองทำงานได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานของเขา นอกจากนี้ พวกเขายังรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานนั้นมักจะแอบคุยกันอย่างลับ ๆ ทั้งพูดจากระแทกแดกดัน นินทา และ ยังพยายามขัดขวางการทำงานของพวกเขาโดยการให้ข้อมูลผิด ๆ หรือหาข้อมูลที่ไม่ดีในการทำงานให้ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้พวกเขามักรู้สึกเหมือนถูกเมิน ถูกหลีกเลี่ยง ถูกตัดบทการสนทนา เป็นต้น Study 2 ส่วนการศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีผู้เข้าร่วม 121 คน ซึ่งเขามีจริยธรรมหรือจรรยาบรรณมากกว่าหรือน้อยกว่าผู้เข้าร่วมคนอื่น ในกลุ่มที่บอกมีจริยธรรมมากกว่าก็จะสามารถทำงานได้ดีกว่า ส่วนคนที่บอกว่ามีจริยธรรมน้อยกว่าก็จะทำงานได้ไม่ดีเท่าอีกฝ่ายนั่นเอง ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกันกับกลุ่มที่ 1 ลูกจ้างที่มีจริยธรรมมากกว่ามักจะเก็บความรู้สึกแย่ ๆ กับเพื่อนร่วมงานของพวกเขาไว้ในใจ และมันจะยิ่งแย่กว่าเดิมถ้ามีใครบอกพวกเขาว่าพวกเขาทำงานได้ไม่ดี การศึกษาแสดงให้เห็นว่านายจ้างที่ให้รางวัลแก่ลูกจ้างหรือบอกพวกเขาว่าเขามีจริยธรรมมากกว่าอีกฝ่าย กลับกลายเป็นว่าทำให้ลูกจ้างรู้สึกถูกคนอื่นนินทา […]