เทคนิคการจัดร้านตลาดนัดให้ลูกค้าติด!!

หน้าร้านเป็นส่วนที่สำคัญมากในการเรียกลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ชะงักและหยุดมอง เพราะว่าสินค้าที่โชว์อยู่นั้นมันเตะตาต้องใจซะเหลือเกิน เวลาที่เราเดินตามห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัดเราก็จะเห็นสินค้าหน้าร้านที่จัดตกแต่งชวนต้องให้เดินเข้าไปหยิบ ๆ จับ ๆ รู้ตัวอีกก็ซื้อมาซะแล้ว ถ้าตลาดนัดล่ะ ? จะสามารถจัดหน้าร้านให้ออกมาได้ดึงดูดใจเหมือนในห้างสรรพสินค้าได้หรือเปล่า ? ขอบอกเลยว่าได้แน่นอน เพียงแค่รู้จักการนำเทคนิคและหลักการจัดวางสินค้าเข้ามาช่วย แค่นี้หน้าร้านของพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายก็จะโดดเด่นขึ้นมาในพริบตา ไปดูกันเลยว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง ?

การเตรียมตัว

1.รู้จักตัวเอง?
รู้จักตัวเอง ในที่นี้คือ รู้จักสินค้าของตัวเองเป็นอย่างดี ว่าเรากำลังขายสินค้าประเภทไหน ?(products) เราขายให้ใคร ?(target) การที่เรารู้จักสินค้าของตัวเองเป็นอย่างดีเพราะทุกครั้งที่เราแนะนำสินค้าจะทำให้เราคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และเมื่อเรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นกลุ่มไหน โอกาสในที่ลูกค้าจะเข้ามาในร้านย่อมมีอย่างแน่นอน

2.เลือกทำเล
การหาทำเลที่ตั้งร้าน จุดสำคัญอย่างหนึ่งของการขาย เราควรเลือกอยู่ที่ที่เป็นสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อที่ว่าเวลาลูกค้าเดินเลือกซื้อสินค้า จะทำให้ลูกค้ามีเวลาในการตัดสินใจว่าจะเลือกร้านไหนดี ยกตัวอย่างเช่น ขายรองเท้า ก็ควรเลือกที่ตั้งร้านให้อยู่ในกลุ่มสินค้ารองเท้าด้วยกัน เพราะถ้าแยกออกไปอยู่ร้านเดียวโดด ๆ หรือไปขายปะปนกับสินค้าคนละประเภท เพื่อหวังจะเป็นร้านเดียวที่ขายบริเวณนั้น คุณคิดผิดเพราะลูกค้าอาจจะเดินมาไม่ถึงร้านคุณก็ได้เพราะคิดว่าหมดไม่มีร้านค้าอื่นแล้ว แต่โชคดีที่ปัจจุบันพื้นที่ในการวางขายสินค้าได้ถูกจัดให้เป็นระเบียบโดยการจัดให้สินค้าประเภทเดียวกันอยู่ในโซนเดียวกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการจับจองพื้นที่โซนดี ๆ ใครเร็วกว่าคนนั้นได้นะจ๊ะ

3. เตรียมอุปกรณให้พร้อมขาย
ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ตะแกรง เต้นท์ ราวแขวน ไม้แขวนเสื้อ ชั้นวางของ ผ้าปูโต๊ะ หุ่นโชว์สินค้า ฯลฯ ต้องเช็คให้ครบทุกครั้งก่อนที่จะออกมาขายของ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้

 

การเลือกอุปกรณ์มาจัดตกแต่ง

โต๊ะ : ขนาดไม่ใหญ่เกินไป หรือเล็กจนเกินไป มีความทนทานแข็งแรง ไม่โยกไปมาเวลาที่วางสินค้าเพราะอาจทำให้สินค้าเกิดความเสียหายได้

ผ้าปูโต๊ะ

สีพื้น หรือสีโทนเดียว : เพราะเข้าได้เกือบทุกชนิดสินค้า ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกสีให้สอดคล้องกัน ผ้าปูโต๊ะควรเป็นสีที่ตัดกับสินค้าเพราะจะทำให้สินค้านั้นดูโดดเด่นขึ้นมา ไม่ควรใช้ผ้าปูโต๊ะที่มีสีเดียวกับสินค้า จะทำให้สินค้านั้นถูกกลืนไปด้วยสีของผ้าปูโต๊ะ สีสันฉูดฉาดมากจนเกินไปก็ไม่ควร จะทำให้ผ้าปูโต๊ะดูเด่นกว่าสินค้า

สีสว่าง หรือโทนสีอ่อน สีพาสเทล : เหมาะกับสินค้าประเภทแฟชั่น กิ๊ฟช็อป เพราะว่าสินค้าพวกนี้จะมีสีสันสะดุดตาอยู่แล้ว ถ้าเลือกสีที่เข้มหรือมีสีสันเกินไปจะทำให้สินค้าดูเด่นน้อยลง สีที่ควรใช้ยกตัวอย่างเช่น สีขาว สีชมพูอ่อน สีฟ้าอ่อน เป็นต้น

สีเข้ม หรือสีฉูดฉาด : เหมาะกับการขายอาหาร เช่นสีแดง พ่อค้าแม่ค้าเชื่อกันว่าจะช่วยกระตุ้นการอยากอาหารได้

ลวดลาย หรือ แวววาว : มักจะนิยมสำหรับขายตอนค่ำเป็นต้นไปเพราะเมื่อผ้าปูโต๊ะกระทบแสงไฟจะระยิบระยับสวยงาม ส่วนมากแล้วจะเป็นสินค้าที่ต้องการเน้นว่าเป็นสินค้าสำหรับสาวๆอย่างแน่นอน เช่น กระเป๋า รองเท้าแฟชั่น เครื่องสำอาง เป็นต้น

โคมไฟหรือหลอดไฟ : แสงสีส้มหรือสีนวล เพราะนอกจากจะถนอมสายตาของลูกค้าแล้ว แสงนวล ๆ เมื่อสินค้ากระทบกับแสงไฟแล้วยังทำให้ชวนมองและเข้าหาอีกด้วย

ของตกแต่ง : ท่านอาจจะเพิ่มการตกแต่งร้านเข้าไปด้วย อย่างเช่น ไฟกระพริบ ต้นไม้เล็ก ๆ แจกันดอกไม้ หรือเลือกของตกแต่งตามสินค้าภายในร้าน

ป้ายราคา หรือ โปรโมชั่น : ควรเขียนป้ายราคาให้ชัดเจน ไม่ขาด หรือชำรุด สามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียน หรือแนะนำให้ซื้อที่สำเพ็งจะได้ในราคาที่ถูก ตำแหน่งการวางป้ายควรอยู่ในระดับสายตาที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จะช่วยดึงดูดใจลูกค้าให้เข้ามาเลือกชมสินค้าในร้านได้อย่างดี

 

เทคนิคการจัดร้านค้า

1.แบบตั้งโต๊ะ หรือ แผงลอย

แบบขั้นบันไดการจัดแบบนี้ จะต้องมีชั้นวางสินค้า คล้ายกับขั้นบันหรือสแตนด์เชียร์ หรือหากไม่มีสามรถประยุกต์ด้วยการนำหนังสือมาวางซ้อน ๆ กันให้เป็นขั้นบันไดก็ได้ จากนั้นค่อยนำผ้าปูโต๊ะมาปู และเริ่มวางสินค้าจากแถวด้านบนลงมาด้านล่าง หากวางด้านล่างขึ้นไปด้านบนถ้าเผลอไปโดนเข้าอาจจะต้องจัดใหม่ทั้งหมด จัดเสร็จแล้วก็ตกแต่งตามใจชอบ ข้อดีของการจัดวางแบบนี้ลูกค้าจะเห็นสินค้าของเราในระดับสายตา หรือจุดโฟกัสพอดี

แบบสามเหลี่ยมการจัดแบบนี้ เมื่อปูโต๊ะเสร็จแล้ว นำสินค้ามาจัดวางให้เป็นรูปสามเหลี่ยมโดยใช้พื้นที่บริเวณโต๊ะทั้งหมด เริ่มจัดจากแถวในสุดมาก่อนเช่นเดิม ลดหลั่นกันลงมา จนถึงแถวหน้าสุดให้เลือกสินค้าที่สวยที่สุด เด่นที่สุดของร้านมาวาง แล้วจึงค่อยนำของมาตกแต่งให้สวยงาม

แบบเรียงแถวเป็นวิธีที่เห็นกันบ่อย ๆ แม้จะไม่หวือหวาอะไร แต่ก็ยังเป็นวิธีที่ใช้งานได้ดีอยู่เลยทีเดียว หากรู้จักเลือกสินค้ามาวาง

2.แบบราวแขวน : การจัดแบบนี้จะเป็นสินค้าค้าจำพวกเสื้อผ้า ราวแขวนนั้นต้องไม่แน่นเกินไป แยกสัดส่วนให้ชัดเจน เป็นระเบียบ สิ่งสำคัญคือเลือกชุดที่สวยที่สุดหรือคอลเลคชั่นใหม่มาใส่ให้กับหุ่นโชว์หน้าร้าน หากไม่มีหุ่นก็ให้นำมาแขวนไว้ด้านหน้าสุด สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดก็คือป้ายราคา ติดป้ายราคาและป้ายโปรโมชั่นให้มองเห็นได้ชัด เพราะแบบราวแขวนนั้นมองไม่เห็นแต่ไกลเหมือนแบบตั้งโต๊ะ

3.แบบแบกับดิน หรือ วางขายบนพื้น : การจัดแบบนี้ค่อนข้างจะเสียเปรียบในเรื่องการจัดหน้าร้าน แต่ข้อดีก็คือต้นทุนการจัดตกแต่งร้าน แต่ก็มีหลายวิธีที่จะทำให้ร้านสะดุดตาได้ เช่น นำโต๊ะเล็ก ๆ อย่าง โต๊ะญี่ปุ่น มาใช้สำหรับวางสินค้า ซึ่งหาซื้อง่ายและมีราคาไม่แพง ใช้ผ้าสวย ๆ คลุมก็เป็นอันใช้ได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการใช้แสง ควรจัดแสงไฟส่องไปยังสินค้ามองเห็นได้ชัดเจน

 

เทคนิคการจัดแสง

  • เลือกใช้แสงสีนวล หรือ สีส้ม นอกจากเป็นการถนอมสายตาของลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกชมได้นานขึ้น แสงสีนวลยังทำให้สินค้าดูสวยขึ้นเมื่อโดนแสง
  • หาจุดโฟกัสของสินค้า เพื่อให้สินค้าเด่นสะดุดตา ให้ส่องไปยังสินค้านั้นให้โดดเด่นขึ้นมา
  • แสงและเงา เมื่อมีแสงแล้วก็ต้องระวังไม่ให้เงาของสินค้านั้นไปบดบังสินค้าอื่น ๆ เพราะจะดูไม่สวยงาม ไม่น่าสนใจไปในที่สุด

สีของแสงไฟอาจจะใช้สีส้ม หรือ หรือสีขาว ก็ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายด้วย และควรระมัดระวังให้มั่นใจว่าอุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติ ไม่มีการรั่วไหลของไฟฟ้า เพราะอาจเป็นอันตรายได้

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn