ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นบริหารเวลาคุณต้องรู้ว่าเวลาคืออะไร พจนานุกรมให้ความหมายเวลาว่า “จุดหรือช่วงเวลาที่สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น” พูดง่าย ๆ เวลาคือ “สิ่งที่เกิดขึ้น” เวลามีสองประเภท : เวลาของนาฬิกาและเวลาจริง เวลาในนาฬิกามี 60 วินาที ในหนึ่งนาที 60 นาที ในหนึ่งชั่วโมง 24 ชั่วโมง ในหนึ่งวัน และ 365 วันในหนึ่งปี เมื่อมีคนอายุ 50 ปีพวกเขามีอายุ 50 ปีไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น ส่วนเวลาจริงทุกเวลาสัมพันธ์กัน เวลาผ่านไปเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำ สองชั่วโมงที่รอซ่อมยานยนต์สามารถรู้สึกเหมือน 12 ปี และถึงกระนั้นเด็กอายุ 12 ปีของเราดูเหมือนจะเติบโตขึ้นในเวลาเพียงสองชั่วโมง ลองทำตามเทคนิคเหล่านี้อาจทำให้คุณเป็นคนที่บริหารเวลาได้ดี พกตารางเวลาและบันทึกสิ่งที่คุณคิด จัดตารางเวลาและบันทึกสิ่งที่คุณคิดและกิจกรรมทั้งหมดของคุณเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าคุณสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหนในระหว่างวัน และคุณจะรู้ว่าคุณใช้เวลาไปมากเท่าไหร่สำหรับการทำงานที่มีประโยชน์ และเสียเวลาไปแค่ไหนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง กิจกรรมหรือการสนทนาที่สำคัญต่อความสำเร็จคุณควรจะมีกำหนดการที่แน่นอน รายการสิ่งที่ต้องทำ (To-do list) จะไม่ค่อยได้ผลแล้ว สมุดจดตารางนัดนั้นจะใช้ได้ดีกว่า ลองสร้างตารางที่จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมที่คุณต้องทำขึ้นมา บันทึกไว้ว่าสิ่งเหล่านี้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ และสิ้นสุดเมื่อไหร่ ที่สำคัญคือคุณต้องมีวินัยที่จะจดบันทึกไว้อย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในความคิดกิจกรรมและการสนทนา […]
ยุคนี้ใคร ๆ ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองเพราะนอกจากจะไม่ต้องเป็นลูกน้องใครเเล้ว รายได้ยังมากอีกด้วย แต่ตอนนี้ธุรกิจก็มีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ทำให้การแข่งขันสูง ซึ่งส่วนมากช่องทางที่เจ้าของธุรกิจเลือกก็คือ ตลาดออนไลน์ เพราะในปัจจุบันคนสามารถเข้าถึงได้มากและรวดเร็ว ดังนั้นเราควรมี กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ที่ดี แต่เราไม่จำเป็นต้องทิ้งของเก่าและไปเริ่มของใหม่เพราะ พื้นฐานการตลาดแบบดั้งเดิมคือสิ่งที่จำเป็น ไม่แพ้กัน และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ต่อยอดในโลกออนไลน์ได้ด้วย วันนี้เราเลยมีกลยุทธ์เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ตามหลัก 4P มาฝาก 1.Product Strategy การสร้างจุดเด่นให้สินค้า ที่ลูกค้าสมารถจดจำสินค้าของคุณได้ โลโก้ของสินค้าก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน แต่การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจก็ช่วยดึงดูดความเป็น Unique ของสินค้าเราได้หมือนกัน 2.Pricing Strategy การตั้งราคาให้เหมาะสมกับสินค้า แต่ก็ห้ามลืมเผื่อค่าจัดส่งด้วยนะ เพราะในธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีค่าบริการจัดส่งสินค้าเสมอ หรือบางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นจัดส่งฟรีก็ได้นะ 3.Place Strategy เราต้องคำนึงว่าสินค้าของเราเหมาะกับกลุ่มลูกค้าประเภทไหน เช่น เพศ อายุ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้านั้นได้ เพราะนี่คือโจทย์ที่นักการตลาดออนไลน์ต้องตีให้แตก 4.Promotion Strategy ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเป็นสิ่งที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีไม่ว่าจะขายแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ ก็คือการจัด เช่น จัดส่งสินค้าฟรี ลด 50% เป็นต้น ข้อมูลดังกล่าวก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่สามารถทำให้ธุรกิจของคุณมีรายได้เพิ่มมากขึ้น