ทำไม “อินเดีย” ถึงกลายเป็นประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยีของโลก

หากพูดถึงประเทศแถวหน้าด้านเทคโนโลยีหลายคนอาจนึกถึงสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือบรรดาชาติยุโรปต่าง ๆ แต่ใครจะไปเชื่อว่าในระยะหลังที่ผ่านมานี้ “อินเดีย” กลับสามารถแทรกตัวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีจนทัดเทียมเหล่าชาติมหาอำนาจต่าง ๆ ทั่วโลก

เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าช่วยให้ตำรวจอินเดียพบเด็กที่หายไปถึง 3,000 คน

เทคโนโลยีนั้นสามารถนำมาใช้ได้หลากหลายหนทางและหนึ่งในการนำเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้านั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ดีอย่างยิ่งในด้านการตามหาตัวบุคคล ทั้งเหล่าผู้ต้องหาหนีคดีและรวมไปถึงช่วยตามหาบุคคลที่ถูกระบุว่าสูญหายได้อีกด้วย ล่าสุดเทคโนโลยีตรวจจับนี้สามารถช่วยตามหาตัวเด็กที่หายตัวไปได้ถึง 3,000 คน ช่วยตามหาบุคคลสูญหายให้กลับคืนบ้านได้อีกครั้ง ในประเทศอินเดียนั้นมีเด็กที่เป็นบุคคลสูญหายถึง 200,000 กว่าคนและมีเด็กมากมายถึง 90,000 คนที่ถูกจับเข้าสู่สถาบันที่รับดูแลเด็ก หลังจากตำรวจอินเดียได้นำเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้ามาใช้งานช่วยตรวจสอบใบหน้าบุคคลถึง 45,000 คนภายในเมืองทำให้พวกเขาค้นพบใบหน้าของเด็กที่ถูกรายงานว่าสูญหายไปถึง 3,000 คนได้ภายในระยะเวลา 4 วันเท่านั้น และพวกเขาก็ได้ช่วยเหลือในการหาทางนำพาเด็กที่สูญหายให้กลับบ้านได้ เทคโนโลยีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปัญหาบุคคลสูญหายเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากในหลายประเทศและเป็นคดีที่สามารถปิดได้ยากอีกด้วย การนำเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้ามาช่วยจัดการตามหาบุคคลสูญหายนั้นจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับประเทศอินเดียที่มีปัญหาเรื่องบุคคลสูญหายมาเป็นเวลานาน ต่อจากนี้ทางรัฐบาลอินเดียจะนำเทคโนโลยีนี้ไปพัฒนาต่อเพื่อให้มันสามารถช่วยตามหาตัวบุคคลสูญหายให้ได้มากขึ้น เทคโนโลยีจะดีหรือไม่ดีนั้นคืออยู่ที่การใช้งาน แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ แต่ทว่าก็มีความกังวลถึงอีกด้านหนึ่งของเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าว่ามันจะกลายเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่มากจนเกินไป เมื่อไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีภาพตรวจจับใบหน้าไว้อยู่เสมอ   ที่มา : independent.co.uk