การนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่นั้นเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม แต่กิจกรรมที่เราทำก่อนเข้านอนก็มีส่วนสำคัญ เพราะหากกิจกรรมเหล่านั้น ทำให้เรารู้สึกตึงเครียดหรือตื่นตัว ผลที่ตามมาคือทำให้เรานอนไม่หลับ หากต้องการที่จะนอนหลับ พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มและตื่นขึ้นมาด้วยความพร้อม เริ่มต้นวันใหม่อย่างแข็งขันแล้วละก็ เราต้องเลิกพฤติกรรม 7 อย่างที่เราไม่ควรทำก่อนเข้านอน งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด วิจัยชี้ให้เห็นว่าการจ้องมองแสงสีน้ำเงินและสีขาวที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอดิจิตอลเป็นเวลานาน จะทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น เนื่องจากแสงสีฟ้าและสีขาวจากหน้าจอ จะรบกวนระบบการผลิตฮอร์โมน เมลาโทนิน ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นนาฬิกาของร่างกายว่าควรเข้านอนเมื่อไหร่ อาเรียนนา ฮัฟฟิงตัน (Arianna Huffington) ผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ The Huffington Post แนะนำว่า ก่อนเข้านอน คุณควรอ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม แทนการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่าใช้ยานอนหลับ (เว้นแต่คุณจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคคาดว่า ร้อยละ 4 ของวัยรุ่นชาวอเมริกันอายุ 20 ปีขึ้นไป ใช้ยานอนหลับเป็นตัวช่วย ในขณะที่ผู้วิจัยเกี่ยวกับการนอนหลับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แพทริค ฟุลเลอร์ (Patrick Fuller) กล่าวว่า “อันที่จริง คนที่กินยานอนหลับนั้น ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาเลย สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือ ควรเลิกยานอนหลับให้ได้ ”จากข้อมูลของฟุลเลอร์ การที่คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นโรคนอนไม่หลับเสมอไป เพราะฉะนั้นการกินยานอนหลับจึงไม่ช่วยอะไรมาก เนื่องจากยาเหล่านี้มักจะมีผลข้างเคียงตามมา […]
มันไม่มีข้อกำหนดว่าใครที่สามารถเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และ คุณไม่จำเป็นต้องมีวุฒิที่ดี หรือ เงินจำนวนมากในบัญชี หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ในการลงทุน สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีคือแผนการที่มั่นคง แรงผลักดันที่ดี เพื่อที่จะทำตามแผนที่วางไว้ และนี่คือ 12 ขั้นตอนที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน Step 1 ประเมินตัวคุณเอง คุณจะต้องถามตัวเองด้วยคำถามง่าย ๆ เช่น ทำไมคุณถึงอยากจะเริ่มทำธุรกิจ ? ธุรกิจแบบไหนที่คุณอยากจะทำ ? ถ้าคุณมีเหตุผลที่อยากจะทำธุรกิจแล้ว ก็เริ่มถามตัวเองในคำถามอื่น ๆ อีก เช่น คุณมีทักษะด้านไหน ? คุณสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษ ? คุณต้องการเงินทุนเท่าไหร่ ? คุณพร้อมจะเป็นนักลงทุนหรือยัง ? คุณต้องตอบคำถามเหล่านี้ตามความเป็นจริงและซื่อตรงกับตัวเองให้มากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้ทุก ๆ อย่างก้าวหน้าได้อย่างดี และคุณจะรู้ว่าคุณควรจะแก้ปัญหาตรงไหน Step 2 คิดแผนสำหรับธุรกิจ หากคุณยังไม่มีแผนหรือไอเดียดี ๆ สำหรับธุรกิจ นี่อาจจะเป็นแนวคิดดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณนึกภาพแผนการได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น ลองสำรวจดูว่า เทคโนโลยีอะไรหรือสิ่งไหนที่มีแนวโน้มว่ากำลังจะเป็นที่นิยมในอนาคต เริ่มต้นทำธุรกิจที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวันได้ หากคุณสามารถคิดริเริ่มเพื่อปรับปรุงในจุดนั้นได้ คุณจะได้ลูกค้ามากมาย […]
PANDORA ถือเป็นแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีฝีมือประณีตที่มียอดการผลิตสูงที่สุดของโลก หลายคนก็เกิดข้อสงสัยว่าทำไมการเติบโตของธุรกิจเครื่องประดับของ PANDORA ถึงเติบโตได้ขนาดนี้ เราไปดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง PANDORA ก่อตั้งโดย Per และ Winnie Enevoldsen จากร้านค้าเล็ก ๆ ที่เป็นธุรกิจครอบครัว ในปี 1982 ที่ประเทศเดนมาร์ก ในกรุงโคเปนเฮเกน มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงโคเปนเฮเกน จำนวนพนักงานกว่า 21,500 คน ซึ่งเป็นช่างฝีมือเครื่องประดับอัญมณีมากถึง 12,400 คน ทุก ๆ สินค้าของ PANDORA 1 ชิ้น ใช้พนักงานถึง 30 คนหรือ 60 มือทำ ปฏิบัติงานอยู่ที่ฐานการผลิตในประเทศไทย และบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในเดนมาร์ค ปี 1987 เป็นปีแรกที่แพนดอร่ามี In-House Designer ออกแบบสินค้าเอง อีก 2 ปีต่อมา แพนดอร่าเริ่มต้นตั้งโรงงานในประเทศไทยเชื่อมั่นงานฝีมือในแรงงานไทยเหตุผลเนื่องจากฝีมือการทำงานของช่างฝีมือที่มีคุณภาพสูงสอดคล้องกับต้นทุนที่ทำให้แข่งขันได้ระบบสาธารณูปโภคที่เหมาะสมกับการการตั้งโรงงานและขนส่ง PANDORA ผลิตเครื่องประดับอัญมณีขายไปทั้งสิ้น 122 ล้านชิ้น ในปี 2559 แบ่งเป็นสัดส่วนจี้ประดับและสร้อยข้อมือ 77% แหวน 13% ตุ้มหู 5% สร้อยคอ 5% ซึ่งสินค้าที่ขายดีที่สุดคือจี้ประดับและสร้อยข้อมือ มีหน้าร้านทั้งหมด 8,100 ร้าน ซึ่งในร้านทั้งหมดนี้เป็นร้าน PANDORA concept stores 2,100 ร้าน มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศ ใน 6 ทวีปทั่วโลก PANDORA มีฐานการผลิต 3 แห่งในไทยคือ 1. โรงงานใหม่แห่งที่ 2 สาขาลำพูน 2. อาคารใหม่ TRIPLE A กรุงเทพฯ 3. โครงการปรับปรุงอาคารในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ แม้ว่า Pandora จะผลิตในประเทศไทย แต่ด้วยกฎเกณฑ์ของ BOI ทำให้โปรดักท์ที่ถูกสร้างสรรค์ในประเทศไทย ต้องถูกส่งออกไปต่างประเทศ โดยที่แพนดอร่า ไม่ได้จัดจำหน่ายด้วยตัวเอง แต่มี บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันมีร้านทั้ง 25 แห่ง แบ่งเป็น 19 แห่งในกรุงเทพและอีก 6 แห่งในต่างจังหวัด และมีแผนการขยายเพิ่มเติม มร. นีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนดอร่า […]
ในปัจจุบันมีธุรกิจเกิดขึ้นใหม่ในทุก ๆ วัน จนเต็มตลาดไปหมด ทำให้หลายธุรกิจล้วนพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ “ความแตกต่าง” ให้กับธุรกิจของตัวเอง เพื่อความโดดเด่นจากคนอื่น หรือเป็นจุดขายให้กับตัวเอง ซึ่งความแตกต่างนั้นนี้ก็มีเยอะแยะมากมายเพียงแต่ขึ้นอยู่กับเจ้าของธุรกิจว่าหาความแตกต่างในธุรกิจของตัวเองเจอหรือเปล่า วันนี้เรามี 9 ไอเดียที่น่าจะเป็น “ความแตกต่าง” ให้กับแต่ละธุรกิจได้ลองเอาไปปรับใช้ให้กับธุรกิจของตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย… 1. ราคา แน่นอนเลยว่า ราคา เป็นอย่างแรกที่หลายคนต้องนึกถึงเป็นอย่างเเรก การตั้งราคาต่างจากคู่แข่งนั้นไม่ว่าจะถูกกว่า หรือแพงกว่า เราต้องมั่นใจว่ามีข้อดี–ข้อเสียกันคนละแบบ เพราะไม่ใช่ว่าของถูกกว่าแล้วจะดีกว่าแล้วของที่แพงกว่าเสมอไป อย่างไรเเล้วควรตั้งราคาให้เหมาะสม 2. ความสะดวกในการใช้บริการหรือซื้อ ลองคิดว่าเป็นตัวเราเวลาที่จะซื้อสินค้าอะไรสักชิ้นบางร้านอาจจะมีขั้นตอนการสั่งซื้อที่ต้องกรอกข้อมูลนูนนี่นั่นเต็มไปหมดแต่บางร้านแทบไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรเลยนี่ยังไม่รวมกับช่องทางการจัดจำหน่ายที่บางธุรกิจมีข้อจำกัดเยอะในขณะที่อีกร้านใช้งานง่ายและสะดวกกว่าถ้าเป็นเราก็ต้องเลือกร้านที่สะดวกสบายหรือร้านที่ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากมายจริงไหม 3. คุณภาพสินค้าหรือบริการ คุณภาพสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ อีกอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถมองข้ามในเรื่องของความสะดวกไปได้บ้าง เพราะลูกค้าหลายกลุ่มก็ยอมที่จะจ่ายแพงกว่า หรือยอมที่จะยุ่งยากกว่าเดิมถ้าได้ของที่ “ดีกว่า” นั่นเอง 4. มีของพร้อมส่ง บางร้านขายของดีมาก ๆ แต่ของขาดตลาดตลอด ต้องจอง ต้องรอ ต้องต่อคิวนาน ๆ เป็นเหตุให้บางธุรกิจใช้โอกาสนี้ในการชูจุดต่างว่าร้านของเขามีของตลอด หรือถ้าเป็นร้านขายของก็ประเภทเปิด 24 ชม. อะไรประมาณนั้น เเละอาจจะทำให้เราเสียลูกค้าได้ 5. […]